เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผวจ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย ร.ต.อ.สัณฐิติ ธรรมใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ คานปูน (Segment) และเครน (Launching Gantry Crane) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว (ช่วงที่ 3) ตอนที่ 1 ถล่มขณะกำลังเชื่อมคานปูนเข้าด้วยกัน ส่งผลให้คนงานที่ปฏิบัติงานเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บนพื้นที่ กม.21+600-กม.22+100 ถนนพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ หมู่ที่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เผย “สมมุติฐาน” 4 ข้อ สาเหตุคานถล่มพระราม 2
นายนริศ เปิดเผยว่า ต้องดูเรื่องของการจราจรเบื้องต้น เพราะว่าเส้นทางพระราม 2 มีพี่น้องประชาชนใช้รถเยอะมาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง ได้ช่วยกันอำนวยความสะดวกโดยการปรับเส้นทาง ในขณะนี้เราได้ติดต่อบริษัทผู้ทำการก่อสร้าง เร่งมาดำเนินการเก็บกู้และคืนสภาพถนนให้สามารถใช้งานได้โดยเร็วที่สุด และในขณะนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดเราจะเร่งพยายามเก็บเคลียร์ซากที่พังลงมา เพื่อจะคืนสภาพถนนให้สามารถใช้งานโดยเร็วที่สุด
ร.ต.อ.สัณฐิติ กล่าวว่า การดำเนินการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจร ส่งผลให้ ถนนพระราม 2 ขาออก เบี่ยงไปใช้ถนนเอกชัย และถนนพระราม 2 ขาเข้า ใช้ช่องทางคู่ขนานได้ 2 ช่องจราจร ซึ่งขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางดังกล่าว
ต่อมาเวลา 10.30 น. ของวันเดียวกัน นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รอง ผวจ.สมุทรสาคร เป็นผู้แทนนายนริศ ลงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีการประชุมร่วมกับฝ่ายต่างๆ ซึ่งทางรองผู้ว่าฯ กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจาก ผวจ. โดยได้เรียนเชิญส่วนราชการและผู้รับจ้างมาปรึกษาหารือกัน เพื่อประเมินสถานการณ์และรายงานข้อเท็จจริง การประเมินสถานการณ์เบื้องต้นในวันนี้ ได้เรียนเชิญทางวิศวกรรมสถาน บริษัทผู้รับจ้าง และกรมทางหลวง ที่รับผิดชอบโครงการ ได้มาประเมินสถานการณ์ เริ่มตั้งแต่ขนาดเครน วันเวลาที่จะยก อุปกรณ์ที่เราต้องใช้ ซึ่งได้ประเมินเบื้องต้น
จากนั้นจะนัดผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายมาตกลงตัดสินใจกัน แต่ในเบื้องต้นได้สั่งเครนที่จะมาทำการยกมาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าบ่ายสามโมงน่าจะมาถึงสถานที่ เพื่อจะเข้าดำเนินงานในแต่ละส่วน สำหรับเรื่องของการเยียวยา ทั้งเรื่องของการเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ทางผู้ตรวจราชการของประกันสังคมได้ลงพื้นที่ และจะไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บเบื้องต้น โดยผู้เสียชีวิตที่อยู่ประกันสังคม เรามีกองทุนที่จะจ่ายให้ราวๆ 800,000 บาทเศษ ส่วนผู้บาดเจ็บ ใช้เงินกองทุนดูแลจนกระทั่งหายเป็นปกติ นอกจากนี้ ได้รับแจ้งจากทางผู้รับจ้างว่าทางบริษัทจะดูแลเยียวยาให้ดีที่สุด
ส่วนในเรื่องของการบริหารการจราจร ทางสารวัตรทางหลวงได้ประสานทาง จส.100 ในการอำนวยความสะดวกในการประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่พี่น้องหลบเลี่ยงเส้นทางนี้ ขณะที่เรายังไม่สามารถคืนพื้นผิวจราจรให้ได้ ส่วนการที่จะรื้อเศษซากนั้น จะใช้รถเครนขนาด 220 ตัน ขนาด 360 ตัน และขนาด 400 ตัน รวม 3 คัน ซึ่งตนได้สอบถามทางผู้เชี่ยวชาญของวิศวกรรมสถานแล้ว บอกน่าจะเพียงพอ โดยบ่ายสามโมงน่าจะเริ่มเข้างาน คงจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เพราะเป็นโครงสร้างที่ชำรุด มันไม่เหมือนกับการรื้อปกติ เพราะโครงสร้างที่ชำรุดต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก รายละเอียดในเรื่องวันเวลาที่จะรื้อแล้วเสร็จเมื่อไร คงให้ทางทีมงานวิศวกรรมเขาได้ประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบทางวิศวกำลังวิเคราะห์อยู่
นายวุฒินันท์ ปัทมวิสุทธิ์ ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สาเหตุยังไม่ทราบ แต่เบื้องต้นพบมีของที่คาอยู่ข้างบนชิ้นใหญ่ คิดว่าประมาณ 100 ตัน และมีบล็อกที่แขวนคาอยู่คาดว่าเกิน 50 ตัน เวลาที่เราจะรื้อค่อนข้างจะยากนิดหนึ่ง เพราะว่ามันเกี่ยวโยงกัน คือ คานตัวนี้เป็นปั้นจั่นชนิดหนึ่งเอาไว้ยกกล่องคอนกรีต เข้าใจว่าที่มันร่วงก็คือตอนที่เราจัดเรียง ไม่แน่ใจว่าตัวไฮดรอลิกปั๊มหรือสลิงไรเดอร์ ที่มันหล่นไป ซึ่งข้างบนจะรื้อมันยากนิดหนึ่ง เราต้องใช้เครนใหญ่รื้อแน่นอนเนื่องจากโครงสร้างตัวนี้ที่มันพาดอยู่ คาดว่าจะหนักเกิน 100 ตัน
แต่ว่ามันยึดโยงอยู่ และบางส่วนโดยห้อยกับตัวคอนกรีตที่เราเรียกว่า Segment น่าจะใช้เครนหลายตัว เพราะชิ้นหนึ่งน่าจะเกิน 200 ตัน ซึ่งเรามีทีมที่อยู่ดูแลเรื่องเครนอยู่ โดยตนจะให้ทีมงานมาช่วยประเมินและขอให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ควบคุมงาน ผู้รับเหมา มาให้ข้อมูลว่าแต่ละท่อนหนักเท่าไรกันแน่ น้ำหนักที่แน่ชัด เพื่อที่เวลาเราเอาเครนมาวาง จะได้รู้ว่าเครนที่เรามีอยู่มันใหญ่พอไหม ซึ่งแนวทางเบื้องต้นน่าจะทยอยรื้อจากข้างบน เพื่อที่ข้างล่างพอเรารื้อออก จะได้นำผู้เสียชีวิตออกได้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการรื้อถอนประมาณ 2-3 วัน
สำหรับผู้เสียชีวิตล่าสุดนั้น รวม 6 ราย คือ นายอภิวัฒน์ พะพันทาง อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ศพอยู่ รพ.สมุทรสาคร, นายเอยา อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เสียชีวิตที่ รพ.สมุทรสาคร, นายชิต โกโก สัญชาติเมียนมา เสียชีวิตที่เกิดเหตุ ยังนำร่างออกมาไม่ได้ และมีผู้สูญหาย 3 ราย คาดว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ คือ นายเพียว โกโก สัญชาติเมียนมา กับ นายอ่อง เทียน เท สัญชาติเมียนมา อีกรายไม่ทราบชื่อ ส่วนผู้บาดเจ็บคงเหลืออยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 9 คน