สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ว่า องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (เอชโอเอชอาร์) รายงานว่า กองกำลังนักรบจีฮัดชื่อ “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม” และกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียหลายกลุ่ม ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากตุรกี ร่วมกันปฏิบัติการสายฟ้าแลบ โจมตีเมืองอเลปโป ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของซีเรีย รองจากกรุงดามัสกัส เมื่อกลางสัปดาห์นี้
สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นการจู่โจมฐานที่มั่นของรัฐบาลซีเรียโดยฝ่ายต่อต้าน ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี และนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2559 ที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสามารถกลับเข้าสู่เมืองอเลปโปได้อีกครั้ง หลังถูกทหารและกองกำลังสนับสนุนรัฐบาลผลักดันออกไป โดยเอชโอเอชอาร์กล่าวว่า กองกำลังฝ่ายต่อต้านสามารถยกพลเข้าสู่เขตตะวันตกของเมืองอเลโป ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน เอสโอเอชอาร์ยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 272 ราย จากการสู้รบเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว ในจำนวนนี้อย่างน้อย 28 ราย เป็นพลเรือนซึ่งเสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโต้กลับของกองทัพรัสเซีย ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย
ด้านนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเมืองอเลปโป เป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย “อย่างร้ายแรง” และยืนยันว่า รัฐบาลมอสโกจะมอบความสนับสนุนให้แก่รัฐบาลดามัสกัส ในการกระชับพื้นที่กลับคืน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ ยืนยันจะมอบความสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้แก่ซีเรียเช่นกัน ส่วนกระทรวงการต่างประเทศตุรกี เรียกร้องให้รัสเซียยุติปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเมืองอเลปโป
อนึ่ง สงครามกลางเมืองในซีเรียปะทุเมื่อเดือน มี.ค. 2554 จากการประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เมื่อหลายฝ่ายจากต่างประเทศเข้ามามีบทบาท ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก ตุรกี และรัสเซีย โดยรัฐบาลมอสโกเข้ามาให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ฝ่ายรัฐบาล จนสามารถยึดคืนพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงพื้นที่บางส่วนทางตะวันออกเท่านั้น.
เครดิตภาพ : AFP