นายไทเลอร์ ชิว ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ เปิดเผยว่า อาลีบาบา คลาวด์ มีแผนจะรุกธุรกิจในไทยอย่างเต็มที่หลังจากในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาเห็นแนวโน้มความต้องการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ การนำดิจิทัลมาปรับรูปแบบการทำธุรกิจ หรือ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ในองค์กรต่างๆ โดยปัจจุบัน อาลีบาบา คลาวด์ เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์อันดับ 1 ในจีน และ อันดับ 3 ของโลก สำหรับการรุกตลาดในไทยจะเน้นใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก คือ ค้าปลีก ไฟแนนซ์ และ ดิจิทัล เอ็นเตอร์เทนเท้นท์
“หลังจากเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ได้ประมาณ 2 ปี มีฐานลูกค้าในไทนแล้วกว่า 1,000 ราย พาร์ทเนอร์ 30 ราย และจัดเทรนนิ่งหลักสูตรต่างๆ มากกว่า 100 ครั้ง ซึ่งจากนี้ไปจะเน้นการช่วยสร้างระบบนิเวศน์ ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพันธมิตรในไทยและส่งเสริมการทำงานร่วมกันในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการตลาด การขายและสนับสนุนทางด้านเทคนิค องค์กรธุรกิจสามารถเข้าใช้งานเครื่องมือดิจิทัลที่สำคัญต่าง ๆ จากอาลีบาบา คลาว์ด ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้ เพื่อช่วยให้ไทยสามารถเดินหน้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้ตามเป้าหมาย”
นายไทเลอร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อาลีบาบา คลาวด์ ขอยืนยันว่า มีแผนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยในปี 65 แต่ยังไม่สามารถบอกมูลค่าการลงทุน และสถานที่ตั้งของดาต้าเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการต่างๆ โดยดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยนี้ จะสามารถรองรับธุรกิจในไทยได้ทุกกลุ่ม รวมถึงธุรกิจในต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็น ในด้านค้าปลีก โลจิสติกส์ ไฟแนนซ์ สื่อและความบันเทิง และการตลาดดิจิทัล และจะมีโซลูชั่นการให้บริการ ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหมือนดาต้าเซ็นเตอร์ในต่างประเทศทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวโครงการเสริมศักยภาพทางวิชาการให้กับนักศึกษา นักวิชาการ และนักวิจัย เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับทรัพยากร ด้านคลาวด์คอมพิวติ้งฟรี รวมถึงโอกาสในการฝึกอบรม และความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้สอดคล้องกับนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 โดยตั้งเป้าหมายจะมีผู้เข้าผ่านการอบรมจำนวน 20,000 คน ภายในปี 66 ซึ่งในช่วงแรกนี้เป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล ก่อนที่จะขยายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ต่อไป.