นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ขั้นตอนหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างฯ และเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายในเดือน ธ.ค. 67 คาดว่าจะผ่านความเห็นชอบ และเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดประมาณเดือน มิ.ย. 68 และประกาศใช้มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสี ทุกสายได้ภายในเดือน ก.ย. 68 ตามเป้าหมายที่ได้เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการใช้บริการรถไฟฟ้าสายต่างๆ เมื่อผู้โดยสารเปลี่ยนระบบเข้าใช้บริการรถไฟฟ้าอีกสาย จะต้องเสียค่าแรกเข้า และค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อวันสูงมาก เป็นภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ดังนั้นเมื่อนำมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาททุกสี ทุกสายมาใช้ จะช่วยทำให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มาก และจะเป็นการดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด ทำให้ระยะเวลาในการเดินทางลดลง ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เป็นการส่งเสริมความสุขในครอบครัวด้วย
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ได้ระบุรายละเอียดของกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมไว้แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ในการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมของผู้รับสัมปทานที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากการเข้าร่วมระบบตั๋วร่วมด้วย โดยแหล่งที่มาของเงินกองทุนฯ ประกอบด้วย เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้, เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี, เงินค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต, เงินที่ได้รับจากผู้ได้รับใบอนุญาต, เงินที่ได้รับจากผู้ให้บริการขนส่ง เมื่อมีสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี มีข้อสัญญาให้ผู้ให้บริการขนส่งต้องส่งเงินเข้ากองทุน, เงินค่าปรับทางปกครอง, เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้แก่กองทุน, ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน และเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากกองทุน กองทุนหมุนเวียน เงินทุน เงินทุนหมุนเวียน หรือทุนหมุนเวียน
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นจากการประเมิน พบว่า หากดำเนินมาตรการดังกล่าวกับรถไฟฟ้าทุกสีทุกสายตั้งแต่เดือน ก.ย. 68 จนครบวาระรัฐบาล ซึ่งเหลืออีกประมาณ 2 ปี ต้องใช้เงินสนับสนุนในการชดเชยมาตรการดังกล่าวปีละประมาณ 8 พันล้านบาท หรือ 2 ปี ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท มั่นใจว่ากองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมจะมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้ดำเนินมาตรการนี้แน่นอน.