สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงการที่กองทัพสหรัฐปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ เป้าหมายอย่างน้อย 75 แห่ง ในซีเรีย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง ว่าเพื่อเป็นการทำลายขีดความสามารถของกลุ่มไอเอส ในการกลับมารวมตัวกัน หลังการสิ้นสุดอำนาจของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด “ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน” ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น


ขณะเดียวกัน บลิงเคนกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน “มีความสนใจและความมุ่งมั่น” ในการป้องกันไม่ให้การแบ่งแยกและการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับซีเรียอีก ตลอดจนการขัดขวางไม่ให้ประเทศแห่งนี้ เป็นฐานของกลุ่มก่อการร้าย ยิ่งไปกว่านั้น สหรัฐไม่ต้องการให้อาวุธเคมีของซีเรียตกไปอยู่ในมือของ “ผู้ไม่ประสงค์ดี”


นอกจากนี้ บลิงเคนกล่าวว่า การที่อัสซาดหมดอำนาจในที่สุด เป็นพลจากการที่บรรดาพันธมิตรหลัก คือ รัสเซีย อิหร่าน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ต่างต้องไปมุ่งมั่นกับสมรภูมิอื่น กล่าวคือ รัสเซียยุ่งกับสงครามในยูเครน ขณะที่อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต้องสู้รบกับอิสราเอล ทั้งในฉนวนกาซา และเลบานอน


เกี่ยวกับการจับตาของหลายฝ่าย ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ กับรัสเซีย ที่จนถึงตอนนี้ยังคงมีฐานทัพขนาดใหญ่สองแห่งอยู่ในซีเรีย นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามการตัดสินใจของชาวซีเรีย “แต่ไม่อาจปฏิเสธได้” เกี่ยวกับอิทธิพลของรัฐบาลมอสโก ที่ฝังรากลึกอยู่ในซีเรีย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา.

เครดิตภาพ : AFP