ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ฯ ออกคำสั่งเรียกด่วน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. อธิบดีกรมโยธาฯ อธิบดีกรมบัญชีกลาง และ ผวจ.กาฬสินธุ์ แจงปัญหาก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ยกเป็นโมเดลกาฬสินธุ์ ส่งสภา เป็นการวางบรรทัดฐานให้ทุกหน่วยงานนำไปใช้ ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ที่ห้องประชุม กมธ.ป.ป.ช.ฯ ด้าน นายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่ปรึกษาฯ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ชี้ผลกระทบนี้เกิดจากการเพิกเฉยของกรมโยธาฯ-ผวจ.กาฬสินธุ์ ที่ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อยาวนานจนเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง

กรณีปัญหาการก่อสร้างพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จ.กาฬสินธุ์ 8 โครงการ งบประมาณกว่า 545 ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบันไม่สามารถก่อสร้างให้เสร็จแม้แต่โครงการเดียว จนชาวบ้านประณามว่าเป็นโครงการ 7 ชั่วโคตร เพราะถูก 2 หจก.ขาใหญ่ ทิ้งงานแต่พบว่ามีการเบิกจ่ายไปเกือบ 250 ล้านบาท การทิ้งงานไม่ก่อสร้างยังทำให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยารวมถึงกลุ่มแรงงานที่ถูกเบี้ยวค่าจ้าง ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์เกาะติดนำเสนอปัญหานี้จนพบความฉาวโฉ่ ทำให้องค์กรอิสระเข้าไปตรวจสอบ ล่าสุด กมธ.ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหาดังกล่าวพบความผิดปกติที่ส่อทุจริตในทุกโครงการ

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง รายงานว่า ที่อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา ที่ประชุมครั้งที่ 49 ของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเชิญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้มาชี้แจงเพื่อทำการตรวจสอบปัญหาการก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นปัญหาการก่อสร้างที่ถูกชาวกาฬสินธุ์ประณามว่าเป็นโครงการก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย งบประมาณ 545 ล้านบาท 8 โครงการ ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน ที่พบว่าทุกโครงการผู้รับจ้างก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว ทิ้งความเสียหายให้ประชาชน ต่อภาครัฐ ภาษีของแผ่นดิน อีกทั้งสร้างความเจ็บช้ำใจให้กับประชาชนที่อาศัยใกล้จุดก่อสร้าง เกิดปัญหาอุบัติเหตุกระทบต่อความมั่นคงและสวัสดิภาพของประชาชนเฉพาะในชุมชนเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ยังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ ปรากฏเสาเข็มงานก่อสร้างและเศษซากกองหินกระจัดกระจายทั่วพื้นที่

ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6-7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปติดตามปัญหานี้ ซึ่งมีผู้แทนจากกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงผู้บริหารจังหวัดกาฬสินธุ์ และผู้บริหารท้องถิ่นรวมถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาชี้แจงเล่าปัญหาทั้งการก่อสร้างและผลกระทบที่มีต่อประชาชน แต่การประชุมครั้งนั้น กมธ.ป.ป.ช.ฯ ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เนื่องจากผู้มาชี้แจงถึงแม้ได้อธิบายแนวทางการแก้ไขปัญหาปากเปล่า แต่ก็ไม่ได้รับคำชี้แจงชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยเฉพาะการดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับผู้ทิ้งงานรวมไปถึงผู้บริหารสัญญา และการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนกับกลุ่มผู้รับจ้างที่ถูกเบี้ยวค่าจ้าง ถือเป็นหน้าที่ของ กรมโยธาฯ-ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ก็ยังนิ่งเฉย จึงได้ตั้งประเด็นตรวจสอบเกี่ยวกับเอกสารเบื้องต้นไว้ 8 ข้อพิรุธ ซึ่ง นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รองประธาน กมธ.ป.ป.ช.ฯ ได้เรียกเอกสารทั้งหมดให้ส่งต่อ กมธ.ป.ป.ช.ฯ เอาไว้ คือ

1.เอกสารการเริ่มต้นสัญญาทั้งหมด 2.เอกสารการขยายเวลาในการก่อสร้างแต่ละโครงการว่าขยายเวลากี่ครั้งในแต่ละครั้งด้วยเหตุผลอะไร 3.เอกสารเหตุผลในการยกเลิกสัญญา 4.เอกสารการประเมินค่าความเสียหายระหว่างการทำงานและการทิ้งงาน 5.เอกสารเกี่ยวกับการเรียกค่าความเสียหายจากผู้รับจ้าง 6.เอกสารรายละเอียดการเบิกจ่าย 15% ในแต่ละโครงการ ทำอย่างไร มีการคืนเงินในช่วงที่เบิกจ่ายหรือไม่ 7.เอกสารบันทึกประจำวันของกรรมการผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ต่อการทำงานทั้งหมดทุกโครงการฯ 8.เอกสารหรือผลการที่ กรมโยธาธิการฯ ได้ตรวจสอบและดำเนินการทางปกครองอย่างไรกับ 2 หจก.ที่ทิ้งงานไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอกสารทางปกครองหรือการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายคืนให้กับแผ่นดิน

ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ฯ ระบุว่า ปัญหานี้ถึงแม้กรมโยธาธิการและผังเมืองจะยกเลิกสัญญาไปแล้วทั้งหมด ในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 แต่การแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันการทุจริตจะนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนว่าต่อไป ทั้งการดำเนินการเอาผิดทางปกครองรวมถึงทางแพ่ง หรือคดีอาญา จะดำเนินการอย่างไรเป็นลายลักษณ์อักษร โดยเฉพาะคำอธิบายถึงความพยายามของกรมโยธาฯ ที่ว่า กำลังเร่งดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างมาใหม่นั้น กมธ.ป.ป.ช.ฯ มองว่าแม้จะมีการจัดหาผู้รับจ้างมาใหม่แต่โครงการนี้ได้ทำให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของภาษีได้รับผลเสียประโยชน์เสียทั้งโอกาสและทำให้ภาครัฐที่กำกับดูแลภาษีของแผ่นดินได้รับความเสียหายจากปัญหาการ “ทิ้งงาน” อีกทั้งการก่อสร้างทั้ง 8 โครงการ กำลังจะเกิดขึ้นจากงบประมาณที่เหลืออยู่ ก็จะทำให้จำนวนขนาดโครงการฯ และปริมาณงานเล็กลง เพราะค่าวัสดุอุปกรณ์ก็จะแพงขึ้น จึงทำให้จำนวนงานการก่อสร้างขาดหายไป ทั้งที่ประชาชนควรจะได้รับประโยชน์เต็มที่จากงบประมาณที่ก่อสร้าง

ดังนั้นการทิ้งงาน ผู้รับจ้าง-ผู้บริหารสัญญา จะต้องเข้ามาร่วมกันรับผิดชอบด้วย ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้จะยกเป็นโมเดลกาฬสินธุ์ ใช้เป็นบรรทัดฐานในการวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต เพื่อนำส่งเป็นรายงานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ทุกหน่วยงานนำไปใช้ป้องกันการทุจริต ดังนั้นการทำงานติดตามเป็นการวางกรอบแก้ไขปัญหาของ กมธ.ป.ป.ช.ฯ เป็นการทำงานติดตามตรวจสอบแบบคู่ขนานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น หมายถึงการติดตามเพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส ยุติธรรม ตามหลักธรรมาภิบาลของข้าราชการที่ควรมีต่อพี่น้องประชาชน

นายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่ปรึกษา กมธ.ป.ป.ช.ฯ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมต.หลายกระทรวง ให้ความเห็นว่า ความผิดปกติเกี่ยวกับปัญหาความล่าช้าของโครงการนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่ กมธ.ป.ป.ช.ฯ ให้ความสนใจ ในการบริหารสัญญาระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง โดยเฉพาะต้นทางของการประมูลงานทั้ง 8 โครงการ และปัญหาการเพิกเฉยของกรมโยธาธิการและผังเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ปล่อยให้ปัญหานี้ยืดเยื้อยาวนาน จนกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งที่กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่เข้าดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน ถึงแม้ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากงบประมาณส่วนกลาง แต่ความเดือดร้อนกลับไม่ได้รับการแก้ไขชัดเจน กรณีนี้ยังเกิดขึ้นกับอีกหลายหน่วยงานของส่วนราชการ หลายกรม หลายกระทรวงฯ จึงต้องมีการวางมาตรการป้องกันและลงโทษผู้กระทำความผิดเป็นแนวทางการป้องกันที่จะยกปัญหา 7 ชั่วโคตรกาฬสินธุ์ โมเดลการแก้ไขปัญหาให้กับทุกหน่วยงานต่อไป