เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 ที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการ รพ.ศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาหรือได้รับสิทธิการส่งตัว ในระบบ สปสช.ตามโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ ส่งผลกระทบกับ รพ.อย่างมาก เนื่องจากมียอดผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยโรคมะเร็งมากขึ้นจากเดิมกว่า 830% ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ผู้ป่วยทุกท่านให้ความมั่นใจและไว้วางใจและเชื่อมั่นในระบบการรักษาของโรงพยาบาลที่ทำหน้าที่สอนนักศึกษาแพทย์ แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างมากทั้งในเรื่องของบุคลากร และการจัดการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาแพทย์และการบริการในด้านต่างๆ เพราะต้องยอมรับว่า รพ.ศรีนครินทร์ ไม่สามารถที่จะเพิ่มเตียง เพิ่มแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ได้ ซึ่งส่งผลต่อวงรอบของการรักษาหรือมาตรฐานทางการแพทย์ที่อาจจะเกิดขึ้น จากเดิมแพทย์ 1 ท่านออกตรวจช่วงเช้า จากนั้นเข้าสู่การเรียนการสอนหรือการดูแลติดตามอาการผู้ป่วยและงานวิจัย แต่มาวันนี้แพทย์  1 ท่านออกตรวจเช้าถึงเที่ยงยังไม่เสร็จก็ต้องออกตรวจมาจนถึงบ่ายและล่วงเลยถึงค่ำ           

“เราต้องคุยกับ สปสช.ให้จริงจังเสียทีว่าโครงการมะเร็งรักษาทุกที่นั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอนและแนวทางที่ สปสช.กำหนด เราไม่ได้มาบอกว่าปฏิเสธการให้การรักษาแต่ต้องการทำให้การบริการการรักษาโรคมะเร็งเป็นมาตรฐานเดียวกันและผู้ป่วยได้รับการบริการที่ทันเวลา เพราะทุก รพ.มีแพทย์และการให้บริการที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว ซึ่งจากการหารือร่วมกันของโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนสอนแพทย์ ล้วนต่างประสบปัญหาเดียวกัน ดังนั้น สปสช.จะต้องมาพูดคุยและรับฟัง และร่วมกันแก้ไขปัญหา อย่าปล่อยให้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นสถานะเขื่อนแตกโดยที่ทั้งหมดมารวมอยู่ที่  รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์อย่างเดียว”           

ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า สปสช.ต้องใช้ระบบการส่งตัวและส่งต่อผู้ป่วยให้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยอยู่หนองบัวลำภู และตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง ขั้นตอนแรกก็ต้องรักษาที่ รพ.หนองบัวลำภู ซึ่งหากเกินกำลังก็จะต้องส่งต่อการรักษามาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และส่งต่อการรักษามาที่ศูนย์มะเร็งอุดรธานี และหากเกินกำลังก็ถึงส่งต่อมาที่ รพ.ศรีนครินทร์ แต่ทุกวันนี้ ผู้ป่วยตรวจพบเป็นมะเร็ง หากใช้สิทธิ สปสช.ก็ขอใบส่งตัวมาที่ รพ.ศรีนครินทร์ทันที ทำให้ทุกวันเรามีผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ อยู่แล้วประมาณ 3,500-4,000 คนต่อวันก็จะมีผู้ป่วยมะเร็งมาสมทบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่กำลังพูดคุยกันคือวันที่ 25 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ รัฐบาลจะประกาศคิกออฟบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีมาก แต่โรงพยาบาล โดยเฉพาะ รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ จะได้รับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นยกตัวอย่างเช่น เดิมคุณหมอออกตรวจได้วันละ 100 คนก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีกว่า 50% จึงอยากให้กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.นั้นได้กำหนดรูปแบบการให้บริการที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและทันรอบเวลาในการรักษาอย่างเข้มงวดด้วย.