เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) จ.นครปฐม พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธุ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ร่วมแถลงผลจับกุมนายมนตรี อิ่นวารี อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 1365/67 ลงวันที่ 17 ธ.ค. ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้น เข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น,ทำร้ายผู้อื่น, จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น” ได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ หมู่ 1 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

พล.ต.ต.อุทัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.สมศรี (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ผู้เสียหายได้เข้าแจ้ง พงส.สภ.กำแพงแสน ให้ดำเนินคดีกับนายมนตรี หลังได้ออกอุบายหลอกล่อให้ไปพบที่ห้องพักแห่งหนึ่งใน ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยอ้างว่านายต่าย (นามสมมุติ) แฟนหนุ่มของผู้เสียหายกำลังนอกใจอยู่ในห้องดังกล่าวกับหญิงอื่น พร้อมอาสาจะพาไปจับให้ได้คาหนังคาเขา แต่ขณะที่นายต่าย พาผู้เสียหายไปแอบฟังเสียงแฟนหนุ่มกับหญิงอื่นผ่านประตูอยู่หน้าห้อง ก็ฉวยจังหวะเปิดประตูและผลักผู้เสียหายเข้าไปในห้องแล้วใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ กระทั่งผู้เสียหายถูกปล่อยตัวออกมาจึงเข้าแจ้งตำรวจ สภ.กำแพงแสน ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดบริเวณหอพักเกิดเหตุทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุรวมทั้งพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อื่น จนสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับบุกรวบตัวเอาไว้ได้ดังกล่าว

พล.ต.ต.อุทัย กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายมนตรี ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในกรณีใช้กำลังบังคับข่มขืนผู้เสียหาย โดยระบุว่าไม่เคยรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อน แต่เคยแนะนำให้แฟนหนุ่มของผู้เสียหายรับจ้างเปิดบัญชีม้าและไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งผู้เสียหายโทรศัพท์มาสอบถามข่าวคราวของแฟนหนุ่มด้วยความเป็นห่วงเพราะติดต่อไม่ได้หลายวัน จึงคิดอุบายดังกล่าวหลอกผู้เสียหายมาข่มขืน ส่วนกรณีนายต่ายที่ขาดการติดต่อกับผู้เสียหายก็ได้กลับมาบ้านแล้วโดยให้การยืนยันว่าถูกนายมนตรี ชักชวนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้านจริง ซึ่งระหว่างนั้นถูกยึดโทรศัพท์และบังคับให้คอยสแกนใบหน้าเข้าบัญชีอยู่นาน 4-5 วันจนเงินครบยอดถึงถูกปล่อยตัวออกมานั้น ทาง พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 สั่งการให้เร่งขยายผลเนื่องจากพฤติกรรมทางคดีเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงเอาเงินชาวบ้านและการค้ามนุษย์ข้ามชาติที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลมีนโยบายให้ปราบปรามและช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหายอย่างเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายมนตรี จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เคยถูกตำรวจ สภ.กำแพงแสน จับกุมใน ข้อหา “ลักทรัพย์ผู้อื่น ยักยอกทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์” รวม 5 คดีในปี 51 กระทั่งมาร่วมงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยทำหน้าที่โพสต์หาคนรับจ้างเปิดบัญชีม้าและแนะนำไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน จนนายต่ายสนใจไปทำงานและขาดการติดต่อ ทำให้แฟนสาวติดต่อไปถามนายมนตรี จึงถูกล่อลวงไปข่มขืนดังกล่าว