ถูกสนใจหนักมาก สำหรับ จิระ มะลิกุล หรือ เก้ง โปรดิวเซอร์, วรรณฤดี หรือ วัน โปรดิวเซอร์, นายพัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ และ อุษา เสมคำ หรือ ยายแต๋ว นักแสดงผู้รับบทอาม่าในเรื่อง ที่ล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์ หลัง ‘หลานม่า’ ภาพยนตร์ไทยจาก GDH สร้างประวัติศาสตร์เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก ที่ฝ่าด่านหนังต่างประเทศ จำนวน 85 เรื่อง ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 15 เรื่องที่เข้ารอบรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (ACADEMY AWARDS/BEST INTERNATIONAL FEATURE FILM SHORTLIST) ซึ่งจะมีการประกาศผลว่า ภาพยนตร์ทั้ง 15 เรื่องนี้ เรื่องใดจะเข้ารอบเป็น 5 เรื่องสุดท้าย ในวันที่ 17 มกราคม 2568 ส่วนงานประกาศผลผู้ชนะเลิศ จะมีขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้ ท่ามกลางความดีใจของแฟนๆ หนังและแฟนๆ ของนักแสดงทุกคนในเรื่องดังกล่าว

วรรณฤดี เผยว่า “ต้องบอกว่าเราดีใจมากๆ นักแสดงทุกคนดีใจมากๆ จริงๆ และหลานม่า สิ่งที่ผลักดันจริงๆ มันมาจากคนดู เริ่มจากฮิตในไทย ไปเซาธ์อีสต์เอเชีย และทุกที่ที่ไปเข้าฉาย คือคนดูทำให้เราได้รับความสนใจ คนต่างชาติเขาได้รับฟีดแบ็กว่าทำไมคนไปดูหลานม่าแล้วร้องไห้ พอฝรั่งเขาไปดูก็ร้องไห้แบบเรานี่แหละ ประเทศไทยเรา หนังไทยเป็นตัวแทน ส่งได้ปีละเรื่อง ส่งไปเข้าร่วม เราส่งมาแล้ว 31 ปี เราไม่เคยเข้ารอบสองเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการรอบสอง ถือเป็นสถิติเลย มันเป็นก้าวสำคัญของหนังไทยเลย และเป็นก้าวที่น่าภาคภูมิใจมากๆ และคิดว่าหนังเรื่องนี้จะทัชใจคนต่างชาติ เพราะมันเป็นเรื่องครอบครัว ต่างชาติเองเขาก็มีความอินเหมือนกัน เพียงแต่ไม่เหมือนกับเราทีเดียวนัก แต่เขาก็อินกับครอบครัวจริงๆ จริงๆ ตอนนี้คนในอุตสาหกรรมหนังในต่างประเทศรู้จักเรามากขึ้น ทุกอย่างกำลังค่อยๆ เกิดขึ้น คิดว่าในอนาคตน่าจะเป็นไปได้ที่บริษัทหนังในต่างประเทศจะรู้จักเรามากขึ้น ตอนนี้เราก็ทำได้แค่รอเดือนหน้าว่าเราจะได้เข้า 5 เรื่องหรือไม่ ตอนนี้เราเข้า 15 เรื่อง มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ ก็อยากให้เชียร์เราต่อ ช่วยเราลุ้นหน่อยค่ะ ถ้าสมมุติเราได้เข้า 5 เราก็จะไปลุ้นอีกรอบหนึ่ง ฝากลุ้นด้วยนะคะ”

เก้ง เผยว่า “มันดีใจมาก ผมถือว่าผมทำหนังมา 20 ปี ผมพบว่ารางวัลเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เราควบคุมได้คือการทำหนังที่คนชอบ ที่เราชอบ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำออกไปแล้วผมพบว่าคนชอบมัน และทำให้เกิดบางอย่างที่มีประโยชน์ต่อคนดู เขาชอบตัวเอง ชอบการมีชีวิตอยู่ ผมไปเวียดนามตอนนั้นไปฉายหนัง ตอนนั้นอาม่าก็ไป ปรากฏว่าโรงที่ฉายอาม่าไปยืนอยู่ แล้วเด็กที่ดูเขาอินวิ่งมากอดอาม่า มันเป็นโมเมนต์ที่ผมทำหนังมา 20 กว่าปี ก็ไม่เคยเห็นคนอินกับหนัง จนเขารู้สึกดีกับหนังกับตัวเนื้อเรื่อง จนผมรู้สึกว่าทุกคนในหนังประสบความสำเร็จกับงานนี้จริงๆ จนเราเข้าชิงออสการ์ มันเป็นมหัศจรรย์จริงๆ เพราะผู้กำกับก็เป็นคนรุ่นใหม่ ทำหนังเรื่องแรก อาม่าแต๋วก็เรื่องแรกเป็นนักแสดง นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่เราควบคุมไม่ได้ เราดีใจมาก ในฐานะคนทำหนัง ทั้งฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมดูหนังไทยมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ มันเป็นความตั้งใจของคนทำหนังจริงๆ การไปออสการ์ ดีใจมากๆ ครับ ผมไม่คิดว่างานของพัฒน์ (ผู้กำกับ) มันเป็นแค่หนังทำเงิน แต่มันเป็นงานครองใจคน เราไปยืนดูในขณะที่ตัดต่อและมิกซ์เสียงเป็น 20-30 รอบ เขาเป็นคนพิถีพิถันกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต กับเรื่องคนอื่น แล้วมันพาให้หนังดูพิเศษและแตกต่าง”

พัฒน์ เผยว่า “ฟีดแบ็กที่ผมไปเห็น อย่างฝั่งยุโรปและตะวันตก เขาชอบมาก เราทำหนังก็ดีใจ หนังมันคงทำงานข้ามเรื่องฝั่งตะวันออกและตะวันตกไปแล้ว มันพูดถึงเรื่องคนด้วยกัน ก็ดีใจมากๆ ครับ มันเป็นครั้งแรกของผมที่ทำหนัง พอมาถึงจุดนี้รู้สึกว่าโชคดีมาก และรู้สึกว่าเราได้อยู่กับโปรดิวเซอร์ที่เก่งมาก และเหมือนทำงานกันมานานทั้งที่ทำเรื่องแรก ในฐานะที่ผมทำหนังครั้งแรก ผมไม่ได้คาดหวังเลย จริงๆ ตั้งแต่สเต็ปแรกที่ปล่อยไป ผมไม่ได้คาดหวังเลย ผมก็แค่ทำมันให้ดีที่สุด ผมได้นักแสดงและทีมงานที่เก่ง ทำให้งานมันไปได้ ตลอดระยะเวลาที่ทำงาน เราไม่เคยท้อ ผมชอบเอาชนะ เราอยากเอาอีกไปเรื่อยๆ พอเข้ารอบออสการ์ ต้องบอกว่าผมหายเหนื่อยตั้งแต่ปล่อยเทรลเลอร์แล้ว ที่คนอยากดู ผมแฮปปี้แล้ว ส่วนผู้เข้าแข่งขัน 15 เรื่องที่เข้ารอบ ทุกเรื่องเขาเป็นผู้กำกับที่เก่งมากๆ มันเป็นที่สุดของที่สุด อย่างของบราซิล ผู้กำกับเขาคือที่สุดของบนหิ้งของบนหิ้งอีกทีเลยครับ ผมรู้สึกแค่ว่า แค่ได้มาอยู่ใน 5 เรื่องเดียวกันมันก็สุดๆ แล้ว สิ่งที่ฝากก็ฝากเอาใจช่วยด้วยนะครับ ส่วนงานชิ้นต่อไปกดดันไหม ก็ไม่ครับ แต่คงทำให้ดีที่สุด และหาทีมที่ดีที่สุดครับ”

ยายแต๋ว เผยว่า “คนต่างชาติเขาดูแล้วก็อิน บอกว่าอยากพาอาม่าไปอยู่กับเขาด้วย เราก็ดีใจที่หนังของเราเกิดความรู้สึกเข้ามาในหัวใจของเขาได้ คือหนังเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในใจของคน ใครดูก็ต้องพูดแบบนี้ทุกคน ในทุกประเทศที่ไปเลย คนจะอินและชอบมาก ถามว่าที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ คิดมาก่อนไหม ไม่เคยเลยนะคะ เพราะหนึ่งไม่คิดว่าจะแสดงได้ สองไม่คิดว่าจะมาถึงขนาดนี้ นี่แหละค่ะ คือความดีใจมากที่สุดเลยในชีวิต ก็อยากฝากให้คนที่ไม่เคยดูเรื่องนี้มาดู คนที่ดูแล้วก็ดูอีก จะได้คิดถึงคนที่ไม่ได้เจอกันนานค่ะ”