18 ธันวาคม 2024 คือวันครบรอบ 2 ปีที่ทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ในประเทศยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก

ตอนนั้น เงินเฟ้อ เดือนพฤศจิกายน 2565 ของ อาร์เจนตินา พุ่งขึ้น 92.4% จากปีก่อน

ตอนนี้ เงินเฟ้อ เดือนตุลาคม 2567 ของอาร์เจนตินา อยู่ที่ 193%

นี่ถือว่าลดลงต่ำกว่า 200% เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปีแล้วนะครับ

แม้จะมีความพยายามในการปฏิรูปเศรษฐกิจ แต่ระดับความยากจนในอาร์เจนตินาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เดือนมกราคม 2567 มีประชากรของอาร์เจนตินาถึง 57.4% ที่อยู่ในภาวะยากจน

ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบอย่างน้อย 20 ปี

ใครไม่ค่อยเก่งเรื่องเศรษฐกิจ หรือไม่รู้ว่า “เงินเฟ้อ” คืออะไร ไม่ต้องไปทำความเข้าใจให้เมื่อยสมอง

อธิบายง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้านก็คือ เศรษฐกิจของ อาร์เจนตินา กำลังย่ำแย่สุดๆ และแย่ลงเรื่อยๆ

แต่ในฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนตินา คือหนึ่งในประเทศที่มีแฟนบอลเดินทางไปชมและเชียร์ทีมชาติตัวเองมากที่สุด

ตัวเลขเป๊ะๆ ของระยะทางระหว่าง บัวโนสไอเรส กับ โดฮา คือ 8,277 ไมล์ หรือ 13,320.54 กิโลเมตร

ในช่วงฟุตบอลโลก ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ บัวโนสไอเรส กับ โดฮา ตีกลมๆ เป็นเงินไทย ถูกที่สุดไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท

แต่ราคานี้หายากเลือดตาแทบกระเด็น แถมต้องแวะต่อเครื่องไม่รู้กี่ต่อ

จากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เงินในกระเป๋าลดค่าลงทุกวัน และจากการเดินทางข้ามทวีปไกลแสนไกลในราคาแพงหูฉี่

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยังมีชาวอาร์เจนไตน์ ดั้นด้นเดินทางมาเชียร์บอลโลกถึงเกือบ 50,000 คน

แสดงให้เห็นว่า “ฟุตบอลโลก” มีความหมายต่อชาวอาร์เจนไตน์มากแค่ไหน?

และทำไม นัดชิงชนะเลิศเกมนั้น ที่พบกับ ฝรั่งเศส ที่ ลูซาอิล ไอคอนิค สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. 65 จึงมีความหมายต่อประเทศอาร์เจนตินา มากกว่า “ฟุตบอล”

หลายคนบอกว่านี่คือ “เกมแห่งชีวิต” ของ ลิโอเนล เมสซี ซึ่งก็ใช่ แต่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด

เพราะถ้าจะให้ถูก ต้องบอกว่า มันคือเกมแห่งชีวิตของชาวอาร์เจนไตน์ทุกคน

อย่าลืมว่า เกมนี้อาจจะฟุตบอลโลกนัดสุดท้ายของ เมสซี หลังจากเกมนี้ พวกเขาอาจจะไม่มีซูเปอร์สตาร์ผู้แบกทีมมาตลอดสิบกว่าปี ลงเล่น “เวิลด์คัพ” อีกแล้ว

ต่อให้ เมสซี ยังไม่เลิกเล่นทีมชาติ และอาจจะเล่นบอลโลกอีกในปี 2026 แต่เขาก็อาจจะไม่เหมือนเดิม และ อาร์เจนตินา ก็อาจไม่มีลุ้นมากเหมือนเดิม

ถ้าหากไม่ได้ในปี 2024 อาจจะอีกนานเลยทีเดียว กว่าที่ อาร์เจนตินา จะมีโอกาสได้แชมป์โลกอีก

นี่จึงเป็นนัดชิงชนะเลิศของคนอาร์เจนตินาทุกคน ไม่ใช่ของ เมสซี คนเดียว

แต่จะบอกว่า “ทุกคน” ก็คงไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะมีชาวอาร์เจนไตน์หลายคนอยู่เหมือนกัน ที่คิดต่าง และไม่อยากให้ อาร์เจนตินา ได้แชมป์

หนึ่งในนั้นชื่อ ดีเอโก ชวาร์ซสไตน์ คุณหมอประจำตัวของ เมสซี นั่นแหละ

นอกจาก ไม่อยากให้ได้แชมป์แล้ว คุณหมอยังถึงขั้นบอกว่า อยากให้ อาร์เจนตินา ตกรอบแรกแบบน่าอับอายไปเลยด้วยซ้ำ

ไม่ใช่คุณหมอ ชวาร์ซสไตน์ หรือคนที่คิดแบบนี้ ไม่รักชาติ พวกเขาเพียงแค่รักชาติคนละแบบกับคนส่วนใหญ่เท่านั้น

เหตุผลของคุณหมอเป็นเพราะอะไร ลองย้อนไปอ่าน 2 ย่อหน้าแรก แล้วคุณจะเข้าใจว่า คุณหมอรักชาติแบบแตกต่างยังไง

ชวาร์ซสไตน์ มองว่า ถ้าหาก อาร์เจนตินา ได้แชมป์ คนทั้งประเทศจะดีใจ และเฉลิมฉลองกันจนลืมความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ

หลงลืมจะตั้งคำถามกับคนที่ทำให้พวกเขาต้องลำบากลำบนขนาดนี้มานานหลายปี

อย่างที่บอกว่า เศรษฐกิจของอาร์เจนตินากำลังย่ำแย่ แต่คนที่ต้องรับผิดชอบอย่างรัฐบาล กลับลอยตัว

แก้ปัญหาไม่ได้ ทำอะไรไม่เป็น เอาแต่ลดค่าเงิน สร้างภาระให้ประชาชนฝ่ายเดียว

พอได้แชมป์ขึ้นมา คนเหล่านี้ก็ยิ่งสบายตัว เพราะคนทั้งประเทศไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากอยากฉลองแชมป์ และ 2 ปีที่ผ่านมา มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

“ฟุตบอล” อาจจะมีอานุภาพมากมาย กำหนดให้คนสุขหรือเศร้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้คนยอมทิ้งทุกอย่าง ยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อสัมผัสมันสักครั้ง

แต่ขณะเดียวกัน มันก็อาจทำให้เราเจอความยากลำบากแสนสาหัสอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่รู้ว่าจะเรียกว่าความสวยงามของฟุตบอลได้หรือไม่?