การขับขี่ขณะมึนเมา เป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมากในแต่ละปี
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน หรือ คปถ. ระบุสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 (ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2566-1 ม.ค. 2567) มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งสิ้น 419 ครั้ง รวมมีผู้บาดเจ็บ 422 คน และผู้เสียชีวิต 62 ราย
ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานภาครัฐจึงได้ยกระดับความเข้มงวด โดยการปรับปรุงกฎหมายเพิ่มโทษ “เมาแล้วขับ” ให้หนักขึ้น เพื่อป้องกันปราบปราม และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ
และเพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน ประเทศไทยได้ออกกฎหมายเมาแล้วขับฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 2567 หลายคนอาจยังไม่รู้ ไปดูสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้กัน ก่อนจะออกไปสังสรรค์ช่วงเทศกาลปีใหม่
“เมาแล้วขับ” ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่เกินกฎหมายกำหนด
ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่นับว่าผิดกฎหมาย มีดังนี้
- ผู้ที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- กรณีผู้ขับขี่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์
- ผู้ไม่มีใบขับขี่
- ผู้อยู่ระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่
- ผู้ขับขี่ที่มีใบอนุญาตขับรถชั่วคราว (ใบอนุญาตแบบ 2 ปี) ถือเป็น “ผู้เมาสุรา”
- ผู้ที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- กรณีผู้ขับขี่ที่เป็นบุคคลทั่วไป
วิธีทดสอบระดับแอลกอฮอล์
หากวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจไม่ได้ ให้วัดจากร่างกายแทน โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ขับขี่
- วัดปริมาณแอลกอฮอล์จาก “ลมหายใจ” ด้วยเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์โดยการเป่า
- วัดปริมาณแอลกอฮอล์จากร่างกาย สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่
- “ตรวจวัดจากปัสสาวะ” เก็บตัวอย่างส่งโรงพยาบาล หรือสถานที่ที่กำหนด เพื่อให้ห้องปฏิบัติการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์
- “ตรวจวัดจากเลือด” ส่งตัวผู้ขับขี่ไปโรงพยาบาลใกล้ที่สุด เพื่อเก็บตัวอย่างเลือด ด้วยวิธีทางการแพทย์
เปิดบทลงโทษ “เมาแล้วขับ” เข้มงวดมากขึ้น
หลังทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด แล้วพบว่ามีความผิด ผู้ที่เมาแล้วขับและหลักฐานทั้งหมดจะถูกส่งไปยังพนักงานสอบสวนโดยเร็ว และจะต้องไม่เกิน 6 ชั่วโมง เพื่อดำเนินคดี
กรณีปฏิเสธไม่เป่า
- ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ที่สั่งทดสอบ ปรับครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท
- ฝ่าฝืนไม่เป่า สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องกักตัวผู้ขับขี่ที่เชื่อว่า “เมาแล้วขับ” เพื่อทดสอบในระยะเวลาที่จำเป็น และให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
กรณีทำผิดครั้งแรก
รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
กรณีทำผิดซ้ำอีก
ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับจากครั้งแรก (อยู่ในช่วงคาดโทษ) เพิ่มโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 5,000-100,000 บาท และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
รับโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส
รับโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท และถูกระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 2 ปี
กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
รับโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที