สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ว่า บรรดานักวิทยาศาสตร์กล่าวเตือนว่า ก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อน จะต้องลดลงอย่างมาก เพื่อจำกัดความร้อนทั่วโลก และหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงต่อโลกและมนุษยชาติ

อย่างไรก็ตาม รายงาน “Coal 2024” ของไออีเอ คาดการณ์ว่า โลกจะใช้ถ่านหินแตะระดับสูงสุดในปี 2570 หลังตัวเลขในปีนี้สูงถึง 8,770 ล้านตัน โดยแนวโน้มดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับจีน เนื่องจากในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา จีนใช้ถ่านหินมากกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกรวมกันถึง 30%

แม้รัฐบาลพยายามกระจายแหล่งพลังงานไฟฟ้าของตนเอง ซึ่งรวมถึงการขยายพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมครั้งใหญ่ แต่ไออีเอ ระบุว่า ความต้องการถ่านหินของจีนในปี 2567 จะยังคงสูงถึง 4,900 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติเดิมไปในตัว

อนึ่ง ความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในจีน ตลอดจนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย และอินโดนีเซีย ช่วยชดเชยอุปสงค์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม การลดลงข้างต้นกลับชะลอตัวในสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐ ซึ่งการใช้ถ่านหินมีแนวโน้มลดลง 12% และ 5% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ 23% และ 17% ในปี 2566

นอกจากนี้ ไออีเอระบุเสริมว่า การทำเหมืองถ่านหินก็แตะระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน โดยการผลิตถ่านหินเพิ่มสูงเกิน 9,000 ล้านตันเป็นครั้งแรก ซึ่งผู้ผลิตอันดับต้น ๆ ได้แก่ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ต่างสร้างสถิติการผลิตถ่านหินใหม่ทั้งหมด

ทั้งนี้ ไออีเอเตือนว่า การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มีแนวโน้มผลักดันให้ความต้องการผลิตพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวสนับสนุนความต้องการไฟฟ้าในจีนด้วย.

เครดิตภาพ : AFP