เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานร้องเรียนจาก น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 42 ปี ชาว อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ว่าลูกสาว อายุ 19 ปี ถูก นายหนุ่ม(นามสมมุติ) อายุ 36 ปี คนขับรถตู้โดยสาร ชาว อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ข่มขืนในบ้านพักของนายหนุ่ม เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 21 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์สืบเนื่องจากลูกสาวได้ใช้บริการรถตู้โดยสารคันที่นายหนุ่มขับ รับลูกสาวมาจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับบ้านที่ อ.พนมดงรัก โดยมีผู้โดยสารที่มากับรถตู้หลายคน ซึ่งแต่ละคนก็ได้ลงรถตามจุดหมายและพอมาถึงเขต อ.พนมดงรัก คนขับออกอุบายวนส่งผู้โดยสารคนอื่นลงก่อนเหลือลูกสาวตนเองไว้เป็นคนสุดท้าย ก่อนจะพาไปที่บ้านพัก และใช้กำลังฉุดกระชากลากตัวน้องลงจากรถตู้เข้าบ้าน น้องได้ขัดขืนจึงถูกชกเข้าที่ท้องและถูกลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ และได้มีการถ่ายรูปไว้ด้วยเพื่อแบล็คเมล์พร้อมข่มขู่ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใครไม่อย่านั้นจะนำรูปถ่ายไปโพสต์ประจานรวมถึงมีการขู่ตามฆ่าด้วย ซึ่งผู้เป็นแม่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.พนมดงรัก หลังทราบเรื่องเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา กับทาง ร.ต.อ.สมพงษ์ ชาวพงษ์ รองสว.(สอบสวน) สภ.พนมดงรัก แต่เรื่องยังเงียบและไม่ได้รับการประสานงานจากตำรวจ แถมคนก่อเหตุก็ยังลอยนวลและยังมีการโพสต์ในเฟซบุ๊กเยาะเย้ยเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย จึงได้ร้องสื่อเพื่อให้ช่วยเหลือ

น.ส.เอ แม่ของเหยื่อ เล่าว่า ทราบเรื่องเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา สังเกตเหตุลูกสาวซึมๆไม่พูดไม่จาไม่ยอมกินข้าวเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว ถามเขาบอกว่าปวดท้องจะพาไปหาหมอ เขาก็ไป คิดว่าลูกคงเครียดจากการเรียน พอซักมากๆเขาจึงยอมเล่าให้ฟังว่าถูกข่มขืน ทั้งนี้ถามว่ารู้จักผู้ก่อเหตุหรือไม่ ยอมรับว่ารู้จักเพราะเขาเป็นคนขับรถตู้ที่วิ่งอยู่ละแวกหมู่บ้าน ก็ไว้ใจให้ลูกโดยสารมาตลอดเวลากลับบ้าน ไม่คิดว่าเขาจะทำกับลูกเรา หลังจากรู้ความจริงจึงพาลูกสาวไปแจ้งความที่ สภ.พนมดงรัก และตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศจริง หลังจากตำรวจรับเรื่องคดีเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการติดต่อให้เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งเราก็อยากให้เอาตัวคนกระทำผิดไปลงโทษ และหลังจากเกิดเรื่องตนก็ได้มีการโพสต์ในเฟซส่วนตัว และตัวผู้กระทำผิดก็ได้มีการแคปโพสต์ตนนำไปโพสต์ในเฟสของเขายอมรับว่าเขาเป็นคนทำเองและบอกว่าเขาไม่ได้ข่มขืนเป็นการสมยอม แล้วก็มีกลุ่มเพื่อนเขาที่แชร์ต่อข่มขู่เราว่าจะฆ่าเรา ก็อยากให้ทางตำรวจเร่งรัดคดีเพราะเป็นภัยต่อสังคมหากปล่อยผู้กระทำลอยนวลอยู่แบบนี้ เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุมีการต่อยท้องปิดปากกดแขนน้องก่อนข่มขืนและมีการถ่ายรูปน้องไว้แบล็คเมล์ข่มขู่เพื่อจะประจานด้วย

ด้าน เหยื่อผู้ถูกกระทำ เล่าว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.67 ได้โทรฯให้ผู้ก่อเหตุมารับที่ห้องพักในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับบ้าน จ.สุรินทร์ ช่วงเย็น ตลอดทางก็มีการส่งผู้โดยสารลงตามหมู่บ้าน พอถึง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เขาก็ยังไม่มาส่งตนที่บ้านเลยแต่พาไปส่งผู้โดยสารคนอื่นลงตามหมู่บ้านเคลียร์ให้คนอื่นลงจากรถให้หมดก่อน ก็เหลือแต่ตนกับผู้ก่อเหตุในรถตอนแรกก็ไม่คิดอะไรคิดว่าเขาจะพาไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะแม่นอนเฝ้ายายอยู่ที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่ใช่ เขาได้หันหัวรถกลับมาทางบ้านก็คิดว่าเขาคงจะมาส่งที่บ้าน แต่กลับไปแวะที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้านของเขา คิดว่ามีคนฝากของมาส่งที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นเขาก็เดินมาที่รถเปิดประตูสั่งให้ตนลงและบังคับกระชากตัวลงไปจากรถ ตนบอกว่าถ้าไม่ไปส่งที่บ้านจะโทรฯให้พ่อมารับเอง แต่เขาบอกว่าไม่จะไปส่งเองจากนั้นก็ลากเข้าไปที่บ้าน ตนร้องให้คนช่วยแต่ไม่มีใครได้ยินและมีการชกเข้าที่ท้องด้วย ตนร้องไห้พยายามขอร้องเขา พร้อมต่อว่า เขาได้พูดมาคำหนึ่งว่าวันเกิดเขาจะมีอะไรให้เขาไหม ตนก็เลยบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมต้องให้อะไรเขาด้วย เขาก็ไม่พูดอะไรก่อนลงมือข่มขืนตน แล้วก็ถ่ายรูปเพื่อแบล็คเมล์ไว้และข่มขู่ถ้าไปบอกเรื่องนี้กับใครจะนำรูปไปลงในโซเชียลและจะทำร้ายตามฆ่าเพราะเขารู้ที่อยู่ของตนที่กรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมาเวลาที่เขาไปส่งเขาก็จะถือโอกาสลวนลามโอบกอดตลอด

นอกจากนั้นยังมีหญิงสาวรายหนึ่งได้ให้ข้อมูล  หลังได้เห็นในโพสต์ที่แม่ผู้เสียหายโพสต์ออกไปและเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ว่า เคยถูกกระทำในลักษณะเดียวกันมาแล้วเมื่อหลายปีที่ผ่าน ในช่วงนั้นได้เดินทางกลับบ้านโดยรถตู้โดยสาร เมื่อมาถึงบ้านคนขับรายนี้ได้ออกอุบายให้ช่วยไปส่งผู้โดยสารเป็นเพื่อน ก็คิดว่าไม่มีอะไรเพราะเป็นคนรู้จักกัน จนกระทั่งส่งผู้โดยสารหมดเหลือหญิงสาวรายนี้เพียงคนเดียวนั่งข้างกับคนขับ คนขับรายนี้ก็เริ่มลวนลามใช้กำลังบังคับทำอนาจารภายในรถ แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายรุนแรงแต่ตนก็พยายามสู้ขัดขืนปกป้องตนเองแต่ทานแรงไม่ไหว หลังเกิดเหตุไม่ได้ไปแจ้งความเพราะกลัวและอาย แต่พอทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้อง ก็พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงและพร้อมจะแจ้งความในเรื่องที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผกก.สภ.พนมดงรัก เพื่อติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น โดยพ.ต.อ.นพดล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.67 ผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ ทางตำรวจได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว และสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้วในเบื้องต้น ซึ่งผู้เสียหายได้มีความประสงค์ที่จะอยากได้พนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิง พนักงานสอบสวนเราจึงไม่สามารถสอบสวนรายละเอียดได้ แต่เราก็รับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะให้ทางรองผกก.(สอบสวน) ได้ประสานไปยังผู้เสียหายแล้วดำเนินงานสอบสวนด้วยตัวเอง อาจจะทบทวนให้มาให้ปากคำใหม่อีกครั้ง จะได้ดำเนินการให้ความเป็นธรรมและเร่งรัดคดีให้ ซึ่งหากเรายังไม่สอบปากคำบันทึกรายละเอียดในการดำเนินคดี ก็จะทำให้การเอาตัวผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหาก็จะเป็นไปได้ลำบาก ก็อยากให้ได้รายละเอียดสอบสวนให้แน่ชัดก่อน โดยจะเร่งดำเนินการภายใน 2 วันนี้ ทราบว่าตัวผู้ต้องหาเองก็ยังอยู่ในพื้นที่ยังไม่ได้หลบหนีไปไหน เพียงแต่เราอยากให้ได้รายละเอียดสอบปากคำผู้เสียหายกับพนักงานสอบสวนของเรา เพราะถ้ารอพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิงก็จะล่าช้า  เนื่องจากโรงพักเราไม่มีพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิง  และจะกำกับดูแลคดีนี้ด้วยตนเอง พร้อมให้ความเป็นธรรมในเรื่องคดีอย่างเต็มที่ พร้อมนัดผู้เสียหายเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 29 ธ.ค.67 แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีคลิปเสียงการสนทนาที่ทางญาติผู้เสียหายโทรไปสอบถามความจริงกับคนขับรถตู้โดยสารรายนี้ ว่าจะยอมรับว่าข่มขืนเหยื่อหรือไม่  ซึ่งตอนแรกไม่ยอมรับ และมีการจะขอต่อรองเจรจาชดใช้ค่าเสียหายกัน แต่เมื่อจี้ถามหนักเข้าคนขับรถตู้จึงยอมรับว่าข่มขืนน้องจริงและจะหาเงินมาไกล่เกลี่ยชดใช้ แต่ทางญาติผู้เสียหายไม่ยอม และต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด.