สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ว่าหลังมัสก์จุดประเด็น “วีซ่าทำงาน” จนกลายเป็นกระแสถกเถียงที่ดุเดือดในสังคมอเมริกัน ทรัมป์เปิดเผยว่า “ผมชอบวีซ่าเอช1-บี (H1-B) มาโดยตลอด”
การเรียกร้องให้ควบคุมผู้อพยพอย่างเข้มงวด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีอย่างมัสก์แห่งเทสลา และนายวิเวก รามาสวามี ซึ่งจะมาร่วมนั่งเก้าอี้คุมสำนักงานประสิทธิภาพรัฐบาลกับมัสก์ กล่าวว่า สหรัฐผลิตบัณฑิตที่มีทักษะสูงน้อยเกินไป และพวกเขาสนับสนุนโครงการวีซ่าเอช1-บี
มัสก์ซึ่งอพยพมาจากแอฟริกาใต้ด้วยวีซ่าชนิดดังกล่าว เขียนผ่านเอ็กซ์ว่า การดึงดูดผู้มีความสามารถด้านวิศวกรรมระดับสูงจากต่างประเทศนั้น “มีความจำเป็น” เพื่อช่วยให้อเมริกาชนะต่อไป
‘I’ve been a believer in H-1B. I have used it many times. It’s a great program’ – Trump sides with Musk on the great H-1B visa debate
— RT (@RT_com) December 28, 2024
US President-elect also vows to GIFT Green cards to college graduates pic.twitter.com/XBcFqbXUwS
ในเวลาต่อมา รามาสวามีซึ่งเป็นบุตรของผู้อพยพจากอินเดีย แสดงความคิดเห็นว่า “วัฒนธรรมอเมริกัน” ยกย่องความธรรมดามากกว่าความเป็นเลิศ และทำให้การถกเถียงคุกรุ่นขึ้นด้วยการเสริมว่า สหรัฐเสี่ยงที่จะ “ถูกจีนเล่นงาน”
ด้านมัสก์เตือนอีกว่า จะเกิด “สงครามกลางเมือง” ของกลุ่ม ‘MAGA’ หรือผู้สนับสนุนแนวคิด “อเมริกาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ในประเด็นวีซ่า และเขาได้โต้เถียงด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อผู้วิจารณ์รายหนึ่งว่า “ผมจะทำสงครามในประเด็นนี้”
ขณะเดียวกัน นายสตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ ในรัฐบาลสมัยแรกของทรัมป์ กล่าวว่า โครงการเอช1-บี ดึงดูดผู้อพยพซึ่งโดยพื้นฐานแล้วคือ “แรงงานตามสัญญา” (indentured servants) ซึ่งทำงานที่รายได้ต่ำกว่าพลเมืองอเมริกัน
ด้านผู้สนับสนุนทรัมป์ออกมาแสดงความกังวลว่า ทรัมป์อาจตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของมัสก์ และละทิ้งคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างการหาเสียง.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES