สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ว่า กระทรวงพลังงานยูเครนออกแถลงการณ์ ยืนยันการยุติเป็นทางผ่านของการส่งก๊าซผ่านท่อในรัสเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. “ถือเป็นการดำเนินการครั้งประวัติศาสตร์” พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า รัสเซียจะสูญเสียรายได้ “อย่างมีนัยสำคัญ”


ขณะที่บริษัทก๊าซพรอม ผู้ผลิตและส่งออกก๊าซรายใหญ่ของรัสเซีย ออกแถลงการณ์ ยืนยันการยุติส่งก๊าซผ่านท่อไปยังยุโรปผ่านยูเครน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 1 ม.ค. (12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย)


ด้านนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต ฟิโก ผู้นำสโลวาเกีย ซึ่งเพิ่งเดินทางเยือนกรุงมอสโก ไปพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เมื่อไม่นานมานี้ เตือนว่า ยุโรปจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากกว่ารัสเซีย


อย่างไรก็ตาม นายราโดสลาฟ ซิกอร์สกี รมว.การต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็น “ชัยชนะยิ่งใหญ่” ของยุโรป นับตั้งแต่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) รับฟินแลนด์และสวีเดนเข้าเป็นสมาชิก


สถานการณ์ดังกล่าว เป็นผลจากการที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ปฏิเสธต่อสัญญากับรัสเซีย ที่ดำเนินมาต่อเนื่อง 5 ทศวรรษ หรือตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต โดยสัญญาฉบับล่าสุดครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562


ทั้งนี้ รัสเซียส่งก๊าซไปยังยุโรปผ่านยูเครน นับตั้งแต่ปี 2534 แต่สถิติการส่งก๊าซลดลงมาก จาก 40% เมื่อปี 2564 เหลือไม่ถึง 10% เมื่อปี 2566 เนื่องจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตก ที่มีต่อภาคพลังงานของรัสเซีย


อนึ่ง ราคาก๊าซในยุโรปพุ่งขึ้นสู่ระดับ 50 ยูโร (ราว 1,777.30 บาท) ต่อ 1 เมกะวัตต์ เป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 1 ปี จากการที่นายหน้ารับซื้อในยุโรปตะวันออก มีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้


ขณะที่แผนสำรองของสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการยุติส่งก๊าซระหว่างรัสเซียกับยูเครน จะซื้อต่อก๊าซจากตุรกี กรีซ และโรมาเนีย ผ่านเส้นทางทรานส์-บอลข่าน ส่วนก๊าซจากนอร์เวย์จะส่งผ่านทางโปแลนด์ และเยอรมนีจะเป็นจุดส่งผ่านก๊าซให้แก่ประเทศในยุโรปกลาง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES