สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ม.ค. เกี่ยวกับความคืบหน้า หลังเกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์พุ่งชนประชาชน ซึ่งกำลังแยกย้ายออกจากพื้นที่ หลังเข้าร่วมกิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ ที่ถนนคาร์นาล และเบอร์บอน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันปีใหม่ หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุลงจากรถยนต์ มากราดยิงใส่ประชาชน และยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่นั้น

สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 15 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่อย่างน้อย 35 คน
ขณะที่คนร้าย “เสียชีวิตแล้ว” แต่ไม่มีการระบุว่า เสียชีวิตอย่างไร คือ นายชัมซุด-ดิน จับบาร์ อายุ 42 ปี เป็นพลเมืองสหรัฐ และเป็นอดีตทหารผ่านศึก เคยมีประวัติถูกจับกุมฐานลักเล็กขโมยน้อย และใช้ใบขับขี่หมดอายุ
At least 15 people were killed and dozens more were injured when a man intentionally plowed a rented pickup truck into a crowd of revelers on Bourbon Street in New Orleans' French Quarter. The FBI says 42-year-old Shamsud-Din Jabbar flew an ISIS flag and had weapons and at least… pic.twitter.com/adF2xnb76k
— CBS Evening News (@CBSEveningNews) January 1, 2025
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนพบธงสัญลักษณ์ของกลุ่มไอเอส อาวุธปืน และระเบิดทำเองจำนวนหนึ่ง ในยานพาหนะของคนร้าย ซึ่งเป็นรถกระบะไฟฟ้าฟอร์ด รุ่น เอฟ-150 สีขาว จึงตั้งประเด็นการสอบสวน พุ่งเป้าไปที่ “การก่อการร้าย”
The FBI says it does not believe the attacker in the deadly Bourbon Street rampage in New Orleans is "solely responsible" — and is investigating the suspect's "potential associations and affiliations with terrorist organizations."
— CBS News (@CBSNews) January 1, 2025
"We are aggressively running down every lead,… pic.twitter.com/CBdM7Yhq34
นอกจากนี้ เอฟบีไอกล่าวในแถลงการณ์ด้วยว่า เจ้าหน้าที่กำลังติดตามล่าตัว “ผู้สมคบคิด” บ่งชี้ว่า จับบาร์ไม่ได้ลงมือเพียงลำพัง ด้านทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความเสียใจอย่างสูงสุดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐ ออกมาแสดงความเสียใจอย่างสูงสุดเช่นกัน แต่เสริมด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นผลจากการที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมาย “ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”.
เครดิตภาพ : AFP