เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 2 ม.ค. 68 ที่ สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายณรงศักดิ์ เรืองทอง อายุ 28 ปี อาชีพรับจ้างก่อสร้าง เข้าร้องเรียนกับนายนิรันดร์ เกแง้ว ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด หลังนายธนวัฒน์ พิลา อายุ 25 ปี น้องชาย ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับความเสียหายหนัก โดยคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บช.น. แจ้งความแล้ว 2 เดือน คดีไม่คืบหน้า
นายณรงศักดิ์ เปิดเผยว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย. เวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้าก่อนถึงห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต น้องชายของตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาในช่องทางที่ 2 ส่วนคู่กรณีที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ส.ต.ท. สังกัด บช.น. ขับรถรุ่น CAMRY ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ มาในช่องทางที่ 3 และเบี่ยงเข้าช่องทางที่ 2 ทำให้เกิดการชนกันเกิดขึ้น ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อยู่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นจึงเข้าให้การช่วยเหลือ และนำตัวคู่กรณีไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ พบว่าคู่กรณีไม่พบค่าแอลกอฮอล์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะพาตัวน้องชายของตนไปส่งยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ คู่กรณีก็มีการไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คลองหลวง

จากนั้นตนมาทราบภายหลังในช่วงเช้าของอีกวันว่า น้องชายตนได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส ปอดฉีก ซี่โครงหัก มีอาการเลือดคั่งในสมอง เนื้อสมองบาดเจ็บสาหัส ทางคู่กรณีได้มาเยี่ยมน้องชายตนที่โรงพยาบาลในวันที่ 11 พ.ย. เพียงครั้งเดียว อีกครั้งหนึ่งคือไปเจอกันที่ สภ.คลองหลวง เพื่อเจรจา โดยในวันที่เจรจากัน ทางคู่กรณีก็มีการพานายที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชาเข้าไปคุยกับร้อยเวรที่รับผิดชอบคดี ก่อนที่ตนจะได้พูดคุยเจรจา โดยคู่กรณีอ้างว่าในวันเกิดเหตุ ตนเองขับรถมาเพียง 60-70 กม./ชม. น้องชายของตนกลัวด่านตำรวจ จึงขี่รถเข้าเลนขวาตัดหน้าคู่กรณี และยังกล่าวต่ออีกว่า จะเยียวยาน้องชายของตนก็ต่อเมื่อมีการชี้มูลความผิดกันเสร็จสิ้น
จากการกล่าวอ้างของคู่กรณีว่าขับรถมาด้วยความเร็ว 60-70 กม./ชม. นั้น ตนก็ได้ไปทำการขอภาพกล้องวงจรปิดจากบริเวณที่เกิดเหตุ และตนได้ทำการเทียบเฟรมเลทวิดีโอกล้องวงจรปิดระหว่างตอม่อแล้ว พบว่าความเร็วอยู่ที่ 108 กม./ชม. อย่างไรก็ตามในส่วนนี้จะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็มีการสันนิษฐานว่า ทางน้องชายของตนเป็นผู้ผิด แต่ยังไม่ได้ชี้ชัด ต้องรอหลักฐานการตรวจสอบอีกครั้ง
ขณะนี้อาการน้องชายของตนเพิ่งฟื้นมาได้ และเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้เพียง 4 วัน และทำได้เพียงแค่ลืมตาเท่านั้น ส่วนค่ารักษาของน้องชายตนนั้น ใช้ประกันสังคมจ่าย ซึ่งตนเดินทางมาร้องสายใหม่ต้องรอดในวันนี้ เนื่องจากกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องการความรับผิดชอบจากคู่กรณี
ขณะที่ นายนิรันดร์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการประสานไปยัง ผกก.สภ.คลองหลวง เพื่อทำการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป.