เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นางสาวปัณณธร (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เป็นตัวแทนของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป พากลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป 60-70 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ต่างประเทศ 10 คน ได้มีการส่งหนังสือมาเพื่อยื่นเอกสารถึงอัยการสูงสุดเช่นเดียวกัน

นางสาวปัณณธร เปิดเผยว่า ทุกคนที่มาในวันนี้ ได้มีการคิดวิเคราะห์พิจารณาไว้แล้วว่า การที่ไปแจ้งความนั้น มีบางส่วนที่ไม่เป็นความจริง เลยต้องการที่จะมาแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการให้การเพิ่มเติมกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด และถอนแจ้งความ ทั้งนี้วันนี้ได้มาติดตามทวงถามความคืบหน้ากรณีที่มีการยื่นหนังสือยืนยันความบริสุทธิ์ให้บริษัทไปแล้วสองรอบ ปัจจุบันยังไม่ได้รับการติดต่อมาในเรื่องนี้ จึงต้องการที่จะทวงถามในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

นางสาวปัณณธร กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ได้มาแจ้งความจำนง โดยต้องการให้การเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากที่เกิดเหตุดังกล่าวก็มีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตื่นตระหนกจากข่าวปลอม กลัวว่าตนเองจะไม่ได้รับสินค้าจากบริษัท จึงเดินทางมาเป็นประจักษ์พยานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมาบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป และพวกตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังยืนยันว่าบริษัทไอคอนกรุ๊ปนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราส่วนใหญ่ยังสามารถที่จะขายสินค้าและได้กำไรจากการขายสินค้าอยู่

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ ที่มีคนไปยื่นคัดค้านการประกันตัวเหล่าบอสดิไอคอนกรุ๊ปที่ศาลอาญาในวันนี้ นางสาวปัณณธร ยืนยันว่า ไม่ได้มีความกังวล และมองว่าเป็นสิทธิของเขา ซึ่งอาจจะขาดการไตร่ตรองหรือไม่ หากเขาอยากจะแก้ไข เราก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเราในฐานะพยานฝั่งดิไอคอนกรุ๊ป เราก็จะทำให้เห็นว่ามีการขายสินค้าจริง เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง มีหลักฐานพร้อมให้ตรวจสอบทุกอย่าง บอกว่าตัวเองมีสินค้าที่จะยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมที่จะให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบ

เมื่อถามว่าตัวแทนทั้งหมดที่มาถอนแจ้งความในวันนี้มีทั้งหมดเท่าไหร่ นางสาวปัณณธร กล่าวว่า คนที่มาถอนแจ้งความมีทั้งหมด 200 คน แต่พยานหลักฐานที่รวบรวมได้ที่เป็นประจักษ์พยานของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป มีประมาณทั้งหมด 2,000 คน

นางสาวปัณณธร กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ตนและกลุ่มตัวแทน จะมีการเดินทางมายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 6 ม.ค. 68 และให้กำลังใจเหล่าบอสและบริษัท บอกว่าเรายังเชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ และเชื่อใจ ในบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป และบอสทั้ง 18 คน และเป็นกำลังใจให้กับเหล่าบอสเพื่อออกมาและสู้คดีด้วยความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นในเร็ววัน

ด้าน นางพรลภัส อ้นไชยะ อายุ 62 ปี เป็นตัวแทนดิไอคอน เปิดเผยว่า ได้ซื้อสินค้ามาทานมาใช้ด้วย ตนเองรู้สึกว่าดี ได้ผลกับร่างกาย พอมีข่าวออกมาก็เกิดความกลัวและตื่นเต้นตามกระแสข่าว บอกว่าจะต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวจะมีความผิดติดตัวไปด้วย ก็ลังเลสักพักหนึ่ง ก่อนที่คนรอบข้าง ตำรวจ กระแสสังคม คนในครอบครัวจะมากดดันจะทำให้ตนตัดสินใจไปแจ้งความตามที่เขาบอก ทั้งที่ตนเองไม่ได้อยากแจ้งความ เพราะเราได้สินค้ามา และใช้สินค้าจริง

และที่มาวันนี้ อยากจะบอกว่าเราอยากจะถอนแจ้งความ เพราะเราไม่ได้อยากแจ้งความตั้งแต่แรก ไม่ได้อยากจะเอาผิดกับบริษัท ที่ไปแจ้งความนั้น เป็นเพราะกระแสสังคม ยืนยันว่าตนเองเป็นตัวแทนขายสินค้า แต่ไม่ได้เป็นหน้าม้า ยืนยันว่าไม่เคยพูดคุยกับทนายความเป็นการส่วนตัว

ด้าน นางสาวยุวดี ทองมา อายุ 55 ปี ตัวแทนผู้ขายสินค้าอีกหนึ่งราย อ้างว่า ตนเองได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.แห่งหนึ่ง ซึ่งตนเองก็เป็นตัวแทนขายสินค้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป หลังจากเกิดกระแสข่าวก็รู้สึกกังวล เพราะมีการบอกว่าจะต้องมีการอายัดทรัพย์สินของบริษัท จึงกังวลว่าจะไม่ได้รับสินค้าที่เก็บอยู่ภายในคลังสินค้า จึงได้เดินทางไปแจ้งความ แต่พนักงานสอบสวนลงบันทึกไม่ตรงคำให้การของตน นางสาวยุวดี อ้างว่า ตำรวจบอกกับตัวเองว่า “มันยุ่งยากไปเอาแบบนี้แล้วกัน”

ซึ่งหลังจากลงบันทึกประจำวันเสร็จ ตนก็ไม่ได้มีการตรวจสอบก่อน เนื่องจากไม่รู้ข้อกฎหมาย หลังจากนั้นได้มีเซ็นรับทราบ ก่อนมารู้ภายหลังว่าคำให้การของตนไม่ตรงกับบอกเจ้าหน้าที่ โดยเนื้อหาในบันทึกประจำวันมีการบอกว่าตนเองเป็นผู้เสียหาย ในการซื้อสินค้าและลงคอร์สเรียนกับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งเสียหายเป็นมูลค่า 500,000 บาท ซึ่งในความเป็นจริง เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ตนเองใช้ซื้อสินค้าและได้รับสินค้าจริง โดยสินค้าที่เหลือถูกเก็บไว้ในคลังเก็บสินค้า

เมื่อถามว่าหากการถอนแจ้งความไม่สามารถทำได้จะมีความกังวลหรือไม่ นางสาวยุวดี ได้ถามกลับกับผู้สื่อข่าวว่า ทำไมถึงจะถอนแจ้งความไม่ได้ ผู้สื่อข่าวจึงได้ย้ำว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ตามดีเอสไอแจ้ง นางสาวยุวดี ระบุว่า “ถ้าถอนแจ้งความไม่ได้จริงๆ และเรื่องมันไม่มีความผิด และเขาย้อนกลับมาหาเราล่ะคะ” และบอกว่าตนเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปสู้คดี

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้พูดคุยกับทนายความของฝั่งดิไอคอนหรือไม่ หากไม่สามารถถอนแจ้งความได้ นางสาวยุวดี ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ซึ่งเราก็ได้มีการลงขอยื่นถอนแจ้งความ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ก็มีการถอนแจ้งความให้ จึงทำให้รู้สึกโล่งใจ พร้อมบอกว่าการที่เราจะไปใส่ร้ายใครสักคน มันเป็นความผิด

นางสาวยุวดี ยังย้ำว่า ตนเองยังขายสินค้าอยู่ ตราบใดที่บริษัทยังเปิด จะไม่ขายก็ต่อเมื่อบริษัทปิดตัวลง..