ปัจจุบันมีคนจำนวนมากที่เลือกพกพากระบอกน้ำหรือขวดน้ำติดตัวในระหว่างออกไปทำงานนอกบ้านหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ เช่น ประหยัด, ลดขยะพลาสติกซึ่งดีต่อสิ่งแวดล้อม, ลดโอกาสรับไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย
แต่รู้หรือไม่ว่า หากขวดน้ำหรือกระบอกใส่น้ำเหล่านี้ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม มันอาจกลายเป็นสิ่งที่สกปรกไม่แพ้ฝารองนั่งชักโครกในห้องน้ำกันเลยทีเดียว
บริษัทกรองน้ำ WaterFilterGuru.com ของสหรัฐ ได้ศึกษาวิจัยเพื่อค้นหาว่ามีเชื้อโรคอะไรบ้างที่อาศัยอยู่ในภาชนะที่เราใช้จิบน้ำตลอดวันและทุกวัน พวกเขาใช้ก้านสำลีเช็ดขวดน้ำแบบต่าง ๆ เช่น ฝาจุก ฝาเกลียว ฝาแบบเสียบหลอด และฝาที่มีช่องบีบน้ำใส่ปากได้เลย รวมถึงก๊อกน้ำ เพื่อดูว่าจะพบแบคทีเรียอะไรบ้างในแต่ละรายการ
ปรากฏว่า นักวิจัยพบแบคทีเรีย 2 ประเภท ได้แก่ แบคทีเรียแกรมลบแบบแท่งและแบคทีเรียบาซิลลัส โดยแบคทีเรียแกรมลบสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะมากขึ้น ในขณะที่แบคทีเรียบาซิลลัสบางชนิดอาจทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหารได้
ผลจากการศึกษาพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ขวดน้ำแบบเติมจะมีโคโลนีจุลินทรีย์เป็นจำนวนมาก (หน่วยนับเป็น CFU) ซึ่งเป็นการประมาณจากจำนวนจุลินทรีย์ที่อยู่ในตัวอย่าง
ขวดน้ำคู่ใจของเราได้รับการประเมินว่าอาจมีแบคทีเรียมากถึง 20.8 ล้าน CFU แต่ขวดแบบฝาจุกและฝาเกลียวจะมีปริมาณสูงถึง 30 ล้าน CFU ส่วนก๊อกน้ำที่ทดสอบก็ให้ผลเช่นเดียวกัน ในขณะที่ขวดที่ใช้ฝาแบบมีช่องบีบน้ำใส่ปากมีแบคทีเรียเพียง 3 ล้าน CFU
ทีมนักวิจัยยังทำการเปรียบเทียบจำนวนของแบคทีเรียในขวดน้ำเหล่านี้กับเครื่องใช้ต่าง ๆ ในบ้าน ซึ่งปรากฏว่า แบคทีเรียจากขวดน้ำแบบใช้ซ้ำได้มีจำนวนมากกว่าที่พบในฝารองนั่งชักโครกถึง 40,000 เท่า, มากกว่าถ้วยอาหารสัตว์เลี้ยง 14 เท่าและมากกว่าเมาส์คอมพิวเตอร์ 5 เท่า
วิธีแก้ไขก็คือต้องทำความสะอาดขวดน้ำเหล่านี้ทุกวันและทำอย่างถูกต้อง เพื่อกำจัดแบคทีเรียให้มากที่สุด
ดร.พริมโรส ฟรีสโตน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาคลินิกที่มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร กล่าวว่า เราควรทำความสะอาดขวดด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 60°C เพราะเชื้อโรคส่วนใหญ่จะตายเมื่อโดนความร้อนระดับนี้
เริ่มจากเติมน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาล้างจานลงไปในขวด หมุนขวดไปมา แล้วทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำร้อน ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิท เพราะขวดที่แห้งสนิทจะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้
สำหรับขวดที่คาดว่าจะมีการปนเปื้อนแบคทีเรียสูง (เช่น ขวดน้ำที่ใช้ติดต่อกันหลายวันโดยไม่ได้ล้าง) ควรเติมน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วนอย่างละครึ่งลงไปในขวดและแช่ทิ้งไว้หลาย ๆ วันเสียก่อนจะนำไปล้างอีกทีตามวิธีการที่กล่าวมา
นอกจากนี้ยังไม่ควรละเลยการทำความสะอาดฝาขวดเช่นกัน รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกับขวดน้ำ เช่น หลอดดูดน้ำ เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถเป็นแหล่งฝังตัวของเหล่าแบคทีเรียได้เป็นจำนวนมาก
ดร.ฟรีสโตนยังกล่าวว่า เมื่อดื่มน้ำจากขวดที่ไม่สะอาด เราอาจรู้สึกว่ารสชาติของน้ำแปลกไปหรือให้สัมผัสที่แปลกประหลาด ซึ่งเกิดจากการที่มีแบคทีเรีย, เชื้อราหรือแม้แต่ของเสียที่แบคทีเรียขับออกมา ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES