กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากมายสำหรับละครเวทีของนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเรื่อง “ด้ายแดงเป็นเหตุ Unfortunate Love” ที่ปีนี้บอกเลยว่านิสิตจัดเต็มการแสดงพร้อมเรื่องราวที่น่าสนใจมาให้พี่ๆน้องๆและทุกคนที่ชื่นชอบละครเวทีได้อิ่มเอมไปด้วยความสุขกัน ซึ่งล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” มีโอกาสเจอตัว เมษา ศุภณัฐ สิริรัตตนนท์ ประธานละคร , ปั้นโอล่า ปภัชพล โอฬารานนท์ ผู้กำกับ , เซญ่า วรินทร์ธร พาหุยุทธ์ นักแสดงรับบทเป็น เป่าเป้ย , เก่ง วฤณ ตรีนุภาพ นักแสดงรับบทเป็น เฟย และ ปั้น ทัศณ์พล คุณวุฒิพร นักแสดงรับบทเป็น เต๋อ ที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนเดลินิวส์และเล่าที่มาที่ไปของละครเวทีเรื่องนี้ให้ฟัง ซึ่งบอกเลยว่านอกจากทุกอย่างทั้งเนื้อหา ตัวละครและฉากจะน่าสนใจแล้ว การทำงานเบื้องหลังของพวกเขาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

สำหรับละครเวทีเรื่อง “ด้ายแดงเป็นเหตุ Unfortunate Love” เป็นละครเพลงที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมือง “เทียนมิ่ง” (天命: tianming) เมืองที่เชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนถูกกำหนดไว้โดยท่านเทพเจ้าที่จะคอยบอกสิ่งที่กำหนดไว้ผ่านผู้ส่งสารประจำเมือง “เต๋อ” ลูกชายของผู้ส่งสารประจำเมืองกำลังจะต้องเข้ารับคำทำนายครั้งใหญ่เนื่องในวันเกิดครบอายุ 22 ปี ซึ่งเป็นอายุที่ทุกคนในเมืองถูกกำหนดให้เข้ารับคำทำนาย โดยเรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเต๋อต้องเข้ารับคำทำนายพร้อมกับ “เป่าเป้ย” เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กที่แอบชอบมาตลอด และเฝ้ารอการเข้ารับคำทำนายมาโดยตลอด เพราะคาดหวังที่จะได้รู้เนื้อคู่ของตน ผ่านคำทำนายว่าใครจะมาเป็นด้ายแดง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้รับคำทำนายว่าเป็นด้ายแดงของกันและกัน แต่เรื่องกลับไม่ลงเอยสวยงามอย่างที่คิด เมื่อ “เฟย” หนุ่มนักเรียนนอกผู้ใช้ชีวิตตามเสียงหัวใจที่ตามจีบเป่าเป้ยมาโดยตลอด ก็มาเข้ารับคำทำนายพร้อมกับทั้งคู่ และได้รับคำทำนายเหมือนกัน ทั้งสามคนจึงได้รับคำทำนายว่ามีด้ายแดงผูกกันทั้งหมด

ทักทายแฟนๆเดลินิวส์สักหน่อย?

ทุกคน “สวัสดีแฟนๆเดลินิวส์ทุกคน พวกเรามาจากละครเวทีคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ค่ะเรื่อง“ด้ายแดงเป็นเหตุ Unfortunate Loveค่ะ”

ที่มาที่ไปของโปรเจ็คท์นี้เป็นมาอย่างไรและแตกต่างจากปีก่อนๆยังไง?

เมษา “พวกเราก็คุยกันว่าอยากให้ละครนิเทศศาสตร์ ปีนี้มันง่าย ดูแล้วรู้สึกว่ามันสนุกแบบง่ายๆได้เลยก็เป็นอีกปีนึงที่อยากให้ติดตามกัน แล้วก็จะมีลักษณะการเล่าเรื่องที่มันไม่ซ้ำกับปีอื่น ซึ่งจะมีสองไทม์ไลน์ ไปด้วยกันประมาณนี้ค่ะ ถามว่ากดดันไหมในฐานะคนทำงานและประธานโปรเจ็คท์ ยอมรับว่ากดดันมากเหมือนกัน เราก็เพิ่งจะขึ้นปี 4 มาแล้วก็ได้มาทำเลย แต่ก็รู้สึกว่าภายใต้ความกดดันนั้นเหมือนเราเป็นพี่น้องนิเทศฯด้วยกัน เป็นความสนุกที่มาพร้อมกับความกดดันประมาณนั้นค่ะ”

ไอเดียแรกมาจากอะไรคะทำไมถึงทำเรื่องด้ายแดง?

ปั้นโอล่า : เริ่มมาจาก Theme ของละครเลยครับ ซึ่งทุกๆปีละครนิเทศฯจะมีการโหวตตรีม ปีนี้มันมาจบตรงที่ตรีมจีน ก็เลยพยายามเอาความเป็นจีนมาผสมกับเรื่องอะไรบางอย่างที่เราอยากเล่า ซึ่งเราอยากเล่าเกี่ยวกับเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ดึงเรื่องความรักกลับมาเล่าในละครนิเทศฯก็เลยเจอจุดตรงกลางระหว่างความรักกับจีนก็ คือ “ตำนานเรื่องด้ายแดง โดยเนื้อหาเป็นเรื่องแต่งใหม่ทั้งหมดครับละครนิเทศจะเป็นละครมีเพลงด้วยเพราะฉะนั้นเราก็จะแต่งและมีเพลงที่ทำขึ้นมาด้วยครับ”

นักแสดงทั้งสาม ออดิชั่นเองหรือว่าถูกโหวตมา ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย?

เก่ง : ออดิชั่นเหมือนกันทั้งสามคนเลยครับ นักแสดงสามารถดู ว่ามีบทอะไรบ้างที่เราจะสามารถมาออดิชั่นได้และดูว่าบทไหนที่มันเหมาะสมกับเรา ที่ตัดสินใจมาคัดเลือกเป็นนักแสดงเพราะผมคิดว่าตัวละครที่ผมแสดงชื่อว่า เฟย เป็นตัวละครที่ขี้เล่น มีเสน่ห์ ถ้าจะให้ผมไปเล่น เต๋อ ตัวละครอีกตัว ก็คิดว่ายังขัดๆเล่นยังไม่ได้ ในเรื่องการแสดงในเรื่องคิดว่าท้าทายครับ รู้สึกว่ามีหลายๆอย่างที่ผมคิดว่ามันยังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะเป็นความเข้าใจในเรื่องของตัวละครอย่างความสามารถ เช่น ร้องเพลงเพราะผมคิดว่าผมยังร้องเพลงไม่ได้ดีมาก ก็เป็นหนึ่งในความท้าทายที่กำลังจะพยายามก้าวข้ามไปอยู่ครับ”

เซญ่า : ในเรื่องหนูแสดงเป็น แม่ค้าขายซาลาเปาค่ะ เป็นคนที่สนุกสนานแล้วก็มีความห้าวเล็กๆแล้วก็เรื่องความรักมาก เพราะเชื่อว่าสักวันนึงจะได้ด้ายแดงเป็นของตัวเองค่ะ ที่ตัดสินใจมาแสดงเพราะ ตอนแรกได้ยินว่า Theme จีน (ยิ้ม) แล้วหน้าหนูค่อนข้างที่จะจีน หนูก็เลยอยากลอง เพราะว่าหนูยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ ด้านละครเวทีหนูก็อยากจะลองเล่นดูสักครั้งเพราะตัวละครเปาเป้ย(ชื่อตัวละคร)ก็มีความคล้ายกับหนู ซึ่งละครเวทีนี้ก็เป็นเรื่องแรกของหนู ก็ตื่นเต้นค่ะเพราะเป็นละครเพลงเราต้องร้องสดทุกรอบก็เลยตื่นเต้นมากๆค่ะ”

ทำไมนักศึกษาแต่ละคนถึงหลงเราละครเวที และอยากทำออกมาให้เพื่อนพี่ๆน้องๆชมกัน?

ปั้น : ผมรู้สึกว่าเราหลงรัก ในฐานะคนดูมาก่อน คือเราเคยเป็นคนดูละครเวทีมาก่อน แล้วเราว้าวที่เค้าร้องเพลงเพราะมีฉากสวยอลังการ ตลอดจนการเล่าเรื่องสนุก แล้วถ้าครั้งหนึ่งเราได้มาเล่นก็น่าจะเจ๋งดีนะครับ เราก็เลยรักตรงนั้นมาด้วยและแล้วก็รู้สึกว่าจริงๆแล้วชอบร้องเพลงแสดงอาจจะไม่ค่อยถนัดแต่พอมามิกซ์กันแล้ว ก็เป็นอะไรที่ได้ทำทั้งคู่ เป็นชีวิตครับ รู้สึกว่าได้ลองอะไรแล้วก็ลองทำดู”

โปรดักชั่นต่างๆการดีไซน์เส้นเรื่อง ต้องครีเอทเยอะมั้ย?

ปั้นโอล่า : ก็เยอะครับ เพราะด้วยความที่เราเขียนบทขึ้นมาใหม่ หลายๆอย่างเราต้องเซ็ตอัพขึ้นมาหมดเลยเมืองเราที่ในการแสดงชื่อว่าเมืองเทียนมิ่ง เราก็ต้องเซ็ตอัพเมืองเทียนมิ่งขึ้นมาหมดเลย เสื้อผ้าคอสตูมต้องถูกเซ็ตอัพขึ้นมาหมดเลยจะมีฝ่ายอื่นๆที่ทำในละครที่มาช่วยสิ่งนี้ด้วยกันช่วยกันตบๆตีตีให้มันขึ้นมาเป็นเมืองเทียนมิ่งครับ”

คาดหวังกับละครเวทีเรื่องนี้เยอะไหม

ปั้นโอล่า :  จริงๆก็ด้วยความที่เรามองมันเป็นกิจกรรมหนึ่งในคณะเรารู้สึกว่า ความคาดหวังที่มากที่สุดก็อาจจะเป็นอยากให้ทุกคนในคณะจดจำสิ่งนี้ความทรงจำดีๆที่มันเกิดขึ้นในชีวิตมหาลัยของเขา ในแง่ของการทำงานมันก็คงมีสเกลนิสิตที่เรา จำกัดตัวเองอยู่ ด้วยความเป็นสเกลนิสิตนี่แหละจะทำให้ทุกคน มีพื้นที่ในการที่เขาอยากทำ แล้วก็จะได้รู้ว่าสิ่งนี้เราชอบจริงๆหรือเปล่า หรือว่ามันมีอะไรอย่างอื่นไหมที่สามารถทำได้เมื่อวันที่เค้าจบไปจากการเป็นนิสิตอย่างน้อยเราก็คาดหวังว่าให้ละครนิเทศเป็นพื้นที่ตรงนี้แล้วกันที่ทุกคนในคณะลองหาตัวเองลองสร้างโมเมนต์ดีๆที่เกิดขึ้นได้ในช่วงมหาลัย นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วนะครับที่จะเกิดขึ้นในละครนิเทศฯ”

ปั้น : จริงๆก็ผมก็มองมองคล้ายๆกับพี่ปั้น ผู้กำกับครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เข้ามาหาโอกาสสำหรับผมมหาลัยก็เหมือนสนามเด็กเล่น มีอะไรให้ทำ มีอะไรให้ลองเล่น ลองผิดลองถูก ได้รู้สึกว่ามันเป็นสะพานที่ดีที่จะก้าวทอดสู่ตอนเราเรียนจบแล้ว ก็สนุกไปกับมันครับ มีเพื่อนมีสังคมที่จะสนุกด้วยกัน”

แพชชั่นในการทำละครเวที การทำกิจกรรมมีเยอะไหม?

เซญ่า : หนูก็อยากลองเฉยๆค่ะ ทางด้านสายนี้เราจะไปต่ออนาคตได้หรือเปล่าก็ชอบค่ะ แต่ว่าชอบอันเดิมมากกว่าปกติหนูจะเป็นสายโฆษณาค่ะ แต่ว่ารู้สึกว่าอันนี้จะมีความยากมากๆแล้วพี่ๆก็เก่งมากๆที่สามารถถ่ายทอดความรู้ หรือว่าสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ เรามองว่าสเกลมันใหญ่มากๆ”

เก่ง : เยอะเลยนะครับ ตอนเด็กๆผมเป็นคนขี้อายมาก แต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนผมได้ก็คือตอนที่ผมได้ไปดูละครได้เริ่มทำละครตั้งแต่ช่วง ม.ปลายครับ จนถึงตอนนี้ก็ 5 ปีแล้วที่ผมได้ทำกับสายนี้มาตอนเด็กๆผมรู้สึกว่าผมได้รับมาเยอะจากอาจารย์ ทั้งรุ่นพี่ แล้วยิ่งเข้ามหาลัยคณะนิเทศศาสตร์ก็ยิ่งเหมือนกันครับ ผมรู้สึกว่าผมได้โอกาสจากรุ่นพี่มาเยอะ พอจบจากเรื่องนี้ไป ผมก็อยากจะหาโอกาสให้กับรุ่นน้องครับ”

ถ้ามีโอกาสขอพรจากด้ายแดงได้ แต่ละคนจะขออะไร?

เก่ง : ผมเชื่อว่าถ้าเราขอแล้ว เราก็ต้องทำอะไรซักอย่างด้วย มันน่าจะมีผลซึ่งกันและกัน  ถ้าผมขออะไรก็ได้ครับ (หัวเราะ) คิดไม่ออกว่าจะขออะไร เอาเป็นว่าไม่ขอแล้วกันครับ (หัวเราะ)

เซญ่า : ของหนูก็เป็นเหมือนกันเลยค่ะ หนูจะขอในเรื่องที่หนูทำอยู่หรือว่าขอเรื่องที่หนูจะทำในอนาคตอย่าง เช่น ขอให้ได้งานเยอะๆ ขอให้ซื้อหวยงวดนี้แล้วถูก ประมาณนี้ค่ะ(หัวเราะ)

ปั้น : ส่วนผมถ้าขอได้ ก็อยากขอพรอีก 10 ข้อครับ(หัวเราะ) ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เชื่อครับ แต่จะมองเหมือนกับเก่ง มันเหมือนการขอพรตั้งปณิธาน สุดท้ายสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ขึ้นอยู่กับตัวเราอีกทีประมาณนั้นครับ”

เมษา : ส่วนหนูน่าจะขอเรื่องการงานค่ะ เพราะว่าปี 4 แล้ว กำลังจะเข้าสู่วัยทำงานแล้วค่ะ ก็น่าจะขอกันงานแต่ก็คล้ายๆกับน้องๆเหมือนกันค่ะ เพราะว่าเราขอเพราะการขออย่างเดียวเราทำไปด้วยแต่เหมือนขอเพื่อเป็นกำลังใจ”

ปั้นโอล่า : จริงๆก็คล้ายๆน้องๆครับ ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ถ้าจะขอก็ขอแค่ขอ แพชชั่นนั้น ความตั้งใจนั้นที่เรามีในวันที่ขอมันยังอยู่จนถึงวันที่เราทำมันได้สำเร็จครับ”

ฝากละครเวทีให้กับทุกๆคนหน่อย?

ปั้น : ก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็อยากให้มาดูความน่ารักขี้เล่น อยากจะเชิญชวนทุกคนมาดูเป็นละครเวทีดีดีเรื่องนึง ที่ดีในปีนี้นะครับ 24-26มกราคมนี้ครับ แล้วก็มาฟังเพลงเพราะๆเรื่องดีๆไปด้วยกันครับ”

เซญ่า : ฝากมาดูคนรักละครเหมือนพวกเรานะคะ พวกเราตั้งใจทำมากๆทุกอย่าง เราเริ่มจากศูนย์จริงๆก็อย่าลืมมาดูกันนะคะมีทั้งหมด 6 รอบ เริ่มจากวันที่ 24 มกราคม รอบที่ 1 : เวลา 13:00 – 16.00 น. และ รอบที่ 2 : เวลา 19:00 – 22.00 น. วันที่ 25 มกราคม โดยจะแบ่งเป็น รอบที่ 3 : เวลา 13:00 – 16.00 น. และ รอบที่ 4 : เวลา 19:00 – 22.00 น. ส่วนวันที่ 26 มกราคม จะแบ่งเป็น รอบที่ 5 : เวลา 13:00 – 16.00 น. และ รอบที่ 6 : เวลา 19:00 – 22.00 น. โดยเปิดขายบัตรผ่าน Ticketmelon”

เมษา : จริงๆน้องๆซ้อมมานานมาก5-6เดือนแล้วค่ะ ก็ซ้อมกันมาขนาดนี้ตั้งใจกันมาขนาดนี้ก็อยากให้ทุกคนมาดูผลงานของพวกเราค่ะ รับรองว่าจะได้ความสนุกกลับไปแน่นอนไม่มากก็น้อยค่ะ”

ปั้นโอล่า : รู้สึกว่ามันเป็นความตั้งใจเด็กคณะหนึ่งที่เรารู้สึกว่าอยากส่งต่ออะไรซักอย่างออกไปอยากให้คนใช้เวลา2- 3 ชั่วโมงที่เข้ามาดูเรื่องนี้แล้วได้รอยยิ้มได้เสียงหัวเราะได้ความรู้สึกดีๆกลับไปนะครับ เราเป็นนักเรียนการสื่อสารและเราก็เชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่แม้ว่าพาร์ทไหนก็ตามไม่ว่า จะเป็นนักแสดงหรือฝ่ายอื่นๆเรากำลังส่งต่อข้อความบางอย่างที่จะทำให้คนในสังคมอย่างน้อยที่สุด เกิดความรู้สึกในแง่ ที่ดีขึ้นนี่คือเจตนาที่ละครนิเทศฯเกิดขึ้น เรายินดีมากๆที่จะส่งต่อมวลเหล่านั้นให้กับทุกคนแล้วก็อยากให้ทุกคนมารับมวลเหล่านั้นจากละครนิเทศฯจุฬานี้เหมือนกันครับ”

ยิ่งได้เห็นความตั้งใจของนิสิตทุกคนที่ต้องการมอบความสุขและใช้พื้นที่ในการแสดงความสามารถที่มีด้วยความสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้สึกภูมิใจและอยากสนับสนุนพวกเขาทุกคนมากๆ อย่าลืมไปชมละครเวทีของพวกเขากันนะจ๊ะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน