กรณีนายลิม กิมยา (Mr.Lim Kimya) อายุ 73 ปี ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ “จ่าเอ็ม” อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือยิงเสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 7 ม.ค. 68 ต่อมาชุดสืบสวนนครบาล สืบสวนภาค 2 และกองปราบปราม ประสานตำรวจกัมพูชา จับกุมจ่าเอ็มได้เพียงชั่วข้ามคืน ภายหลังก่อเหตุหลบหนีข้ามประเทศไปในพื้นที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา และจะประสานนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยต่อไป นั้น
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 68 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีว่า ขณะนี้ “จ่าเอ็ม” อยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายของทางการกัมพูชา เนื่องจาก “จ่าเอ็ม” เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงต้องดำเนินคดีที่กัมพูชาก่อน แต่รอง ผบ.ตร. และ ผบช.น. ได้ทำหนังสือทางการทูต เพื่อขอให้ส่งตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อที่ไทยแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ตำรวจไทยเป็นคนไปประสานงานกับตำรวจกัมพูชา และร่วมกันไล่ล่าติดตามตัวมาด้วยกัน โดย “จ่าเอ็ม” ใช้เส้นทางจ.ชลบุรี-จันทบุรี เป็นทางผ่าน และมีวิธีหลอกตบตาเจ้าหน้าที่สืบสวน ก่อนจะเดินทางออกทางชายแดน จ.สระแก้ว เข้าไปยังกัมพูชา ซึ่งตำรวจจับกุมขณะที่ “จ่าเอ็ม” กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่พระตะบอง และไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบเพียงบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรข้าราชการ ส่วนรายละเอียด ตำรวจไทยยังไม่ได้สอบปากคำ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า สาเหตุใด “จ่าเอ็ม” ถึงหลบหนีไปกัมพูชา และต้องรอส่งตัวกลับมาสอบปากคำก่อน
ในส่วนของอาวุธปืน ได้เรียกตำรวจที่รับจำนำปืนของ “จ่าเอ็ม” มาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นยอมรับว่ารับจำนำปืนไว้จริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหาร เช่นเดียวกับโชเฟอร์แท็กซี่สีเขียว-เหลือง ก็ได้เชิญมาสอบปากคำแล้วเช่นกัน ยืนยันว่าไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่เกี่ยวข้องกับคดี คนร้ายเพียงว่าจ้างให้ไปส่งเท่านั้น
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ยืนยันว่าจะติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ หรือช่วยเหลือให้การสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะคนชี้เป้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเข้ามาพร้อมกับผู้เสียชีวิต และมีพิรุธ เพราะบริเวณจุดเกิดเหตุมีการเดินวนดูลาดเลาหลายครั้ง รวมถึงหลังเกิดเหตุได้หลบหนีออกนอกประเทศผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิทันที เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการสัญชาติเดียวกันอีก โดยตำรวจขอเวลาทำงานระยะหนึ่ง และตอนนี้ได้ออกหมายจับไทยแล้ว ขั้นตอนต่อไปอยู่ระหว่างประสานตำรวจสากล ขอออกหมายแดง เพื่อติดตามตัวนำผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศมาดำเนินคดี ส่วนผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัว