สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ว่า ตามที่สำนักงานตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโคเปอร์นิคัส (ซี3เอส) ของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า ปีที่แล้วถือเป็นปีซึ่งมีอากาศร้อนที่สุดสุดในโลก นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูล เมื่อปี 2393 หรือช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้น
ตรงกันข้ามกับอุรุกวัย ซึ่งฤดูหนาวเมื่อปี 2567 กลับมาอุณหภูมิเย็นกว่าปกติเกือบ 2 องศาเซลเซียส และฤดูร้อนก็ใช้เวลานานกว่าจะมาถึง
นายมาริโอ ไบเดเกน จากสถาบันอุตุนิยมวิทยาอุรุกวัย เปิดเผยว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีของประเทศอยู่ที่ 18.1 องศาเซลเซียส ขณะที่สถิติอากาศร้อนที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยในเวลานั้นอยู่ที่ 18.8 องศาเซลเซียส
Uruguay bucks 2024 global warming trendhttps://t.co/WfNs14SBPe
— Buenos Aires Times (@theBAtimes) January 10, 2025
อย่างไรก็ตาม อุรุกวัยประสบกับอากาศหนาวเย็นที่เกือบเป็นประวัติศาสตร์ ระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค. ปีที่แล้ว โดยมีน้ำค้างแข็ง ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ เกิดขึ้นทั่วประเทศหลายวัน และอุณหภูมิที่อยู่ในระดับ “ค่อนข้างปานกลาง” เมื่อปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ
“แม้อุรุกวัยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิ แต่ประเทศแห่งนี้ประสบกับปรากฏการณ์ร้ายแรงอื่น ๆ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ” นายฮวน หลุยส์ เปเรซ นักอุตุนิยมวิทยาจากบริษัทวิจัยนิมบัส กล่าว
ทั้งนี้ เปเรซยกตัวอย่างปริมาณฝนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า และรุนแรงขึ้น “เมื่อฝนตก น้ำจะท่วม และรถยนต์จะลอยไปตามถนน” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า สภาพอากาศไม่สามารถควบคุมได้ และแบบจำลองพยากรณ์อากาศ จะ “ไม่น่าเชื่อถือ” เหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนอีกต่อไป.
เครดิตภาพ : AFP