หลายบ้านจึงต้องหาวิธีป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะการใช้ “เครื่องฟอกอากาศ” ฟอกคุณภาพอากาศให้ได้อากาศที่หายใจเข้าไปให้สะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น แล้ววิธีเลือกต้องเลือกอย่างไร? ทางเซฟไทย ของการไฟฟ้าส่วนภูมิ (PEA) เพื่อไม่ให้เลือกซื้อเกินความจำเป็น หรือซื้อแล้วใช้ไม่ได้ตามประสิทธิภาพ ได้แนะนำดูขนาดห้อง และค่าอัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ หรือ CADR หมายถึงปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถทำความสะอาดได้ภายใน 1 ชั่วโมง ยิ่งค่า CADR สูง เครื่องจะสามารถทำความสะอาดอากาศได้มากขึ้น และเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ เลือกเครื่องที่มีค่า CADR มากกว่าขนาดของห้องประมาณ 20-40% และให้ คำนวณหาปริมาตรของห้อง (กว้าง x ยาว x สูง) เปรียบเทียบกับค่าที่ระบุไว้บนเครื่องฟอกอากาศ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ผลิตจะระบุขนาดห้องที่เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นเหมาะสมไว้บนตัวเครื่องหรือในคู่มือการใช้งาน
สำหรับความเหมาะสมในการเลือกซื้อขนาด เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-20 ตารางเมตร เช่น ห้องนอน ห้องทำงานขนาดเล็ก โดยทั่วไปจะใช้กำลังไฟฟ้าประมาณ 20-40 วัตต์ เครื่องฟอกอากาศขนาดกลาง: เหมาะสำหรับห้องขนาด 20-30 ตารางเมตร เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก โดยทั่วไปจะใช้กำลังไฟฟ้าประมาณ 40-60 วัตต์ เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับห้องขนาด 30 ตารางเมตรขึ้นไป เช่น ห้องโถง ห้องประชุม โดยทั่วไปจะใช้กำลังไฟฟ้าประมาณ 60-80 วัตต์ หากเลือกเครื่องที่มีกำลังไฟไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการฟอกอากาศและสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
นอกจากนี้ให้ดูลักษณะห้องที่ใช้งานและฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น ใช้เครื่องฟอกอากาศไปใช้งานในห้องนอนหรือห้องเด็กเล็ก ควรเลือกเครื่องที่มีโหมด Sleep ไม่รบกวนการนอนหลับ ห้องอื่น ๆ เช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน อาจเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ หรือฟังก์ชันปรับความเร็วพัดลมอัตโนมัติ ช่วยให้เครื่องสามารถปรับระดับการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในห้องได้อย่างอัตโนมัติ ชนิดตัวกรอง เป็นหัวใจสำคัญในการทำให้อากาศบริสุทธิ์ ปัจจุบันมีตัวกรองหลากหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ตัวกรองพรีฟิลเตอร์ กรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ เช่น ขนสัตว์ ตัวกรอง HEPA เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้มากกว่า 99.98% ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ละอองเกสร หรือแม้แต่เชื้อรา ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้หรือหอบหืด
การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมและดูแลรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ได้รับอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์และประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น ควรเริ่มจากการเลือกเครื่องที่มีแผ่นกรองคุณภาพดีและมีฉลากประหยัดไฟ เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้พลังงานน้อยลง ควรเปลี่ยนแผ่นกรองตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
นอกจากนี้การเลือกตั้งค่าโหมดการทำงานที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้งาน จะช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมาก เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น.