ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้าน และร้านค้าว่าผักสดมีราคาแพงขึ้นหลายเท่าตัว ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลกินเจ โดยเฉพาะผักชีที่พุ่งขึ้นไปถึง กก.ละ 300-400 บาท มากกว่าช่วงปกติที่ กก. 110-150 บาท ขึ้นฉ่ายขึ้นไป กก. 200-250 บาท สูงกว่าปกติ 100 บาท ดอกกุยช่าย 160-200 บาท จากปกติ 100 บาท ยอดคะน้า กก. 50-70 บาท จากปกติ 20-30 บาท และผักกาดขาวขึ้นไป กก.ละ 60-70 บาท จากปกติ 30-40 บาท

ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาผักสดแพงขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาน้ำท่วม ทำให้พื้นที่ปลูกผักเสียหาย ประกอบกับเริ่มมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลคลายล็อกเปิดให้นั่งรับประทานในร้านอาหารได้ ส่งผลให้มีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น แต่หลังจากนี้ พ่อค้าแม่ค้ารวมถึง ประชาชน ก็กังวลว่าหากรัฐบาลมีการเปิดประเทศรับชาวต่างชาติอย่างเต็มตัว และมีการยกเลิกเคอร์ฟิว เปิดร้านอาหารได้ตามปกติอาจทำให้อาหารสดขาดแคลน และราคาแพงขึ้นกว่าเดิมได้

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้กรมกำลังติดตามสถานการณ์ผักสดอย่างใกล้ชิด โดยพบว่าผักที่มีราคาปรับสูงขึ้นจะเป็นพวกผักชี ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตก ทำให้ผลผลิตเสียหายมาก แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ผักหลักในการบริโภค เป็นผักสำหรับใช้เป็นเครื่องเคียงหรือตกแต่งในจาน โดยคาดว่าราคาน่าจะแพงในช่วงสั้นๆ เนื่องจากที่ผ่านมาผักใบได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักเยอะ ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ประกอบกับรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการทำให้มีการจับจ่ายใช้สอย และมีการซื้ออาหารไปประกอบอาหารทำให้ความต้องการเพิ่มจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ชะลอตัว

“มองว่าราคาผักสดคงปรับสูงขึ้นไม่นาน เพราะขณะนี้ฝนเริ่มทิ้งช่วงแล้ว และหลายพื้นที่เพาะปลูกก็น้ำลดลง ประกอบกับเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งผักจะเจริญเติบโตได้ดี ทำให้สถานการณ์น่าจะคลี่คลายและมีผลผลิตกลับเข้าสู่ระบบตามปกติในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้กรมการค้าภายใน จะจัดรถโมบายเชื่อมโยงผักหลักๆ ที่นิยมบริโภคกันมาก จากตลาดกลางที่อยู่ในความส่งเสริมนำไปจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อบรรเทาภาวะผักสดราคาแพงในช่วงระยะสั้นๆ”