เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมร่วมกับ ตำรวจในสังกัด บช.น.เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญในพื้นที่นครบาล ที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จากที่ผ่านมามีคนร้ายใช้ประเทศไทยในการก่อเหตุอาชญากรรมในหลายรูปแบบจึงทำให้ตนไม่สบายใจ วันนี้จึงได้สั่งการเน้นย้ำกับทางบช.น. เพื่อเร่งรัดและกวาดล้างดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ผบ.ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเรื่องคดีคนจีนวิ่งราวทรัพย์คนจีนด้วยกัน ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง และ มักกะสัน ว่า ในวันดังกล่าวมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน 3 คดี ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง 2 คดี เรื่องของเงิน 5 ล้านบาทและ 8 ล้านบาท ส่วน สน.มักกะสัน 4.5 ล้านบาท โดยทั้ง 3 กรณี มี “นายเฉิน” เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินดิจิทัล โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องประสานกับกองการต่างประเทศ ในเรื่องของการออกหมายแดงเพื่อติดตามตัวนายเฉินมาดำเนินคดี แม้ว่านายเฉินจะไม่อยู่ในประเทศไทย

ทั้งนี้จากการสืบสวนยังทราบว่า ทั้ง 3 กรณีที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายและนายเฉิน รู้จักกันทั้งหมด ทั้งนี้ในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค. จะมีการเรียกประชุมใหญ่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางป้องกันต่อไป
ส่วนความคืบหน้าในคดีที่ อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าหลังเกิดเหตุตำรวจได้พิสูจน์ทราบผู้กระทำความผิดภายในไม่กี่ชั่วโมง และสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ 2 ราย และในขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับทางฝั่งกัมพูชาเพื่อติดตามผู้ต้องหาอีก 2 คนที่หลบหนี มาดำเนินคดี ส่วนจากการสอบสวน ทราบว่าการก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างผู้จ้างวานและผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ยืนยันว่ายังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศ
“การพูดในครั้งนี้ในฐานะ ผบ.ตร. ขอยืนยันว่า ไม่ได้ปกป้อง หรือพูดเพื่อเอาใจใคร แต่แนวทางการสืบสวนสอบสวนออกมาเป็นเช่นนั้น” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว