กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโซเชียลหนักมาก สำหรับกรณีของนักร้องชื่อดัง แสตมป์ อภิวัชร์ ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาพูดถึงสาเหตุที่หายหน้าหายตาจากเวทีคอนเสิร์ตและงานเพลงไปพักใหญ่ เนื่องจากต้องการปกป้องภรรยา เพราะถูกผู้ไม่ประสงค์ดี คุกคามแอบเข้าหลังเวที ถ่ายคลิปและกล่าวหาว่าภรรยาตนวิปริต
“แสตมป์”ออกโรงป้องภรรยา หลังโดนกล่าวหาเป็นบ้า เดือดขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด!
ล่าสุด แสตมป์ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวนี้อีกครั้งบนเวทีคอนเสิร์ต โดยช่อง SarutaTa ได้เผยคลิปขณะแสตมป์เล่าเหตุการณ์นี้ โดยเผยว่า
“ขอบคุณทุกคนที่ยังจำผมได้อยู่นะครับ ผมขอเล่าเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมันจะปกป้องชีวิตคนในครอบครัวผมได้ แล้วผมเอามันออกมาสู่แสงสว่าง เพราะว่าภรรยาผมถูกโจมตีในที่มืดมานานเกินไปแล้ว ผมหายไปเพื่อฟ้องร้องคน 2 คน ที่บุกมาถ่ายคลิปแบล็กเมล์ภรรยาผมหลังเวที มันเริ่มจากมีคนๆ หนึ่งสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความเกลียดชัง สร้างความเข้าใจผิดให้กับภรรยาผมในวงการเพลง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้จักส่วนตัวกับภรรยาผมมาก่อน แล้วก็มีคนเชื่อถึงขั้นมาโพสต์ด่าโจมตี บุกรุกมาหลังเวที จนผมทำงานไม่ได้ คน ๆ นี้ โผล่หน้ามาให้ภรรยาผมรำคาญใจมาเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่รู้จักกัน”
“แต่เรื่องมันร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2565 มีตัวละครเพิ่มขึ้นมา ซึ่งคือแฟนหนุ่มของเขา ซึ่งทำงานอยู่ในวงดนตรีวงหนึ่ง ทำให้ฝ่ายหญิงมีป้ายห้อยคอที่จะบุกรุกเข้ามาหลังเวที ในช่วงปี 2565 ขณะที่ผมเล่นดนตรีบนเวที 2 คนนี้จะแวะมาโฉบผ่านหน้าภรรยาผม บางครั้งก็สร้างสถานการณ์มานั่งร้องไห้ใกล้ ๆ ภรรยาผม ซึ่งภรรยาผมก็ไม่รู้มันคืออะไร แต่เธอก็ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้ผมเป็นข่าว เธอใช้วิธีการหลบเลี่ยงเอา ภรรยาผมบอกกับผู้จัดการว่า ขอไม่รับงานร่วมกับวงดนตรีวงนี้ไปก่อน คิดว่าจะจบได้โดยไม่มีการปะทะกัน”
“จนวันที่ 26 ก.พ. 2566 มีงานคอนเสิร์ตที่ เดอะสตรีท รัชดา เราทราบไม่กี่วันก่อนหน้าว่า เราต้องเล่นกับวงดนตรีวงนี้ เราแคนเซิลไม่ทัน เมื่อไปถึงพบว่าคู่กรณีทั้ง 2 คน มาดักหน้าห้องพักศิลปิน พอเห็นภรรยาผม ทั้งสองพุ่งเข้ามาหาภรรยาผม พูดจากล่าวหาใส่และมีคนอัดคลิปวิดีโอไว้ แล้วไปบอกคนในวงการเพลงว่า บังเอิญเจอภรรยาผมหลังเวที แล้วหาว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นเราเริ่มใช้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย คอยลาดตระเวนก่อนคอนเสิร์ตเริ่มว่ามี 2 คนนี้มาไหม”

“ผ่านไปไม่นาน ทั้ง 2 คนย้ายไปทำงานกับอีกวงดนตรีหนึ่ง ตนก็ติดต่อไปหาหัวหน้าวงนั้นว่า ขอไม่รับงานร่วมกัน เพื่อความปลอดภัย ไม่อยากปะทะ ไม่อยากเป็นข่าว ก็คิดว่าจะจบได้ดี จนวันที่ 21 ต.ค. 2566 ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ก็ไปเจอกับหญิงคนเดิมนี้ที่รออยู่ ภรรยาเลยพาผมเบี่ยงตัวออกไป หลบในห้องพักนักดนตรี จนพอผมเตรียมขึ้นแสดง เปิดประตูมาเจอหญิงคนนี้ชูมือถือถ่ายอยู่หน้าห้อง แล้วไปโพสต์ในโซเชียลว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาเช่นเดิม”
“28 ต.ค. 2566 ทั้ง 2 คนนี้ ไปนั่งดักรอเจ้าของค่ายเพลง ค่ายใหญ่ที่สุดค่ายหนึ่งในประเทศ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แล้วไปร้องไห้ฟ้องว่าถูกคุกคามโดยภรรยาผม ผู้ใหญ่ท่านนั้นรับฟังให้คำปรึกษา ก่อนติดต่อมาหาผมเพื่อฟังความอีกข้าง ผมจึงเล่าความจริงไป จนในปีที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ท่านนั้น ยอมไปขึ้นศาล เพื่อเป็นพยานให้ว่า 2 คนนี้ทำลายชื่อเสียงภรรยาผม”
“ผมตัดสินใจโทรฯ หานักร้องนำวงนี้ ที่เขาสังกัดอยู่ ขอโทษที่ร่วมงานกันไม่ได้ ตราบใดที่ 2 คนนั้นยังอยู่กับคุณ เราทำงานไม่ได้จริง ๆ ตลอดการสนทนา ก็แน่ใจได้ว่านักร้องท่านนี้อัดเสียงผมอยู่ตลอด นั่นแปลว่า 2 คนนั้นไปบลัฟไว้ก่อนแล้ว ว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาและเขาเชื่อ แต่ภรรยาผมจะไปคุกคามเขาก่อนได้อย่างไร เมื่อทุกครั้งที่เกิดเหตุ มันเกิดที่หน้าห้องพักศิลปินของผม”
“ในเมื่อภรรยาผมไม่ปลอดภัย และไม่มีใครช่วยเราได้ ผมจึงต้องไปพึ่งศาล ไม่เช่นนั้น 2 คนนี้ จะไปวาดภาพว่าภรรยาผมไปทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องที่น่ากลัวที่สุดของครอบครัวผมก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ครับ”

“ระหว่างที่ไปศาลกัน พ่อของจำเลยท่านหนึ่ง เป็นทหารยศนายพลจากพิษณุโลก มาขึ้นศาลแทนลูกของเขา พร้อมบอกว่าขอให้ผมกับภรรยาถอนฟ้องลูกของเขาซะ ไม่เช่นนั้นผมจะโดนยัดคดีทางการเมือง นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในศาล”
“ขณะที่นอกศาล นายพลท่านนี้เคยขับรถไปบ้านแม่ของผม บอกว่าเป็นแฟนคลับ เอาของมาให้ แล้วถ่ายรูปแม่ผมเก็บไว้ ส่วนภรรยาของนายพลแฝงตัวเข้าไปในกรุ๊ป Open Chat แฟนคลับ เพื่อสืบว่าไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน แล้วแฝงตัวเข้าไปดูคอนเสิร์ต พยายามแสดงตัวให้เห็นว่าจับตาดูอยู่ตลอด จนผมตัดสินใจปิด Open Chat”
“แต่คู่กรณียังคงตามติดตลอดทั้ง หน้าโรงแรมที่เราพัก ปั๊มน้ำมันที่เราเข้า หนักที่สุดเคยมานั่งข้าง ๆ ผมบนเครื่องบิน ระหว่างที่ทำการฟ้องร้อง ผมลองตรวจสอบดู พบว่ามีการล็อกที่นั่งไว้จริง ๆ จากเพื่อนของเขาสมัยมหาวิทยาลัย ที่ทำงานสายการบินนั้น หลังจากนั้นผมไม่รับงานที่ไหน ๆ ที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินอีกเลย และขอไม่รับงานใด ๆ อีกจนกว่าศาลจะคุ้มครองเรา”
“วันที่ 30 พ.ค. 2567 เราชนะคดีได้ ด้วยการที่จำเลยรับสารภาพเอง ตอนนั้นเขาจำนนต่อหลักฐานในชั้นสืบพยาน มีการยกมือไหว้ภรรยาผม ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา และจะไม่ยุ่งกับภรรยาผมอีก แต่พอผ่านมา 2 สัปดาห์ เขาก็มาโพสต์ด่าภรรยาผมเหมือนเดิม”
“ผมเลยบอกว่าไม่อยากให้มายุ่งแล้ว ช่วยทำตามคำสั่งศาลด้วย ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องอย่างเด็ดขาด และเอาข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย ทั้งชื่อวงดนตรีที่จำเลยทำงานอยู่ รวมไปถึงชื่อนายพลด้วย”
ภายหลังจากแฟนๆ ได้ฟังคลิปดังกล่าวของแสตมป์ หลายคนคาใจถึงสาเหตุของพฤติกรรมดังกล่าว ว่าเพราะอะไรถึงโดนคุกคามหนักขนาดนี้ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าบางส่วนตามหาว่าบุคคลดังกล่าวคือใคร จนเกิดการล่าแม่มดของชาวเน็ต อีกทั้ง #แสตมป์อภิวัชร์ ติดเทรนด์ X อย่างไรก็ตาม ต้องรอทางแสตมป์ออกมาเคลื่อนไหวถึงเรื่องนี้ต่อไปอีกครั้ง



ขอบคุณภาพประกอบจาก : stampapiwat