พระเมธีวัชรบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณหรรษา” เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น ผอ.วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายเดินหน้าเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ว่า การพนันเป็นอบายมุขผิดหลักศาสนา ถ้ารัฐมองว่ากาสิโนเป็นเรื่องของรัฐ ก็ต้องเร่งจัดให้มีประชาพิจารณ์ รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 67 ได้ตราไว้ว่า “รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย”
พระเมธีวัชรบัณฑิต กล่าวต่อไปว่า ในหลักการของพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ที่รัฐให้การรับรอง ได้แก่ อิสลาม คริสต์ ฮินดู และซิกซ์ นั้น ไม่มีศาสดาของศาสนาใดที่เห็นด้วยกับอบายมุขทุกชนิด หมายความว่า ทุกศาสนาปฏิเสธอบายมุขทุกชนิดอย่างไม่มีข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งกว่านั้น จะสังเกตเห็นว่า รัฐกำลังทำในสิ่งที่ย้อนแย้งและขัดกับหลักกฏหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 67 เสียเอง เพราะวรรคแรกได้ย้ำว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น หมายความว่า รัฐมีหน้าที่ดูแลให้พลเมืองปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา ซึ่งสอดรับกับวรรคสองที่ย้ำว่า รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา
พระเมธีวัชรบัณฑิต กล่าวอีกว่า แม้หลายคนจะมีข้ออ้างว่าปกติเราก็มัวสุมอบายมุขในลักษณะต่างๆ แบบไม่เป็นทางการอยู่แล้ว ส่วนตัวมองว่า ถ้ารัฐจะเดินหน้าทำเรื่องเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ให้ได้ตามที่หลายท่านเพียรพยายาม ขอให้รัฐจัดทำประชาพิจารณ์ทั้งประเทศ โดยให้พลเมืองของทุกคน รวมถึงนักบวช มีสิทธิในการโหวตว่าจะรับหรือไม่รับหลักการและแนวทางนี้ สุดท้ายแล้ว หากส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงามกับประเด็นนี้ ประชาคม และเราก็จะได้ทราบกันอย่างชัดแจ้งแบบเป็นทางการเสียทีว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการให้ประเทศไทยเป็นไปในแนวทางนี้ กลุ่มคนส่วนน้อยก็จะได้หาวิธีการฟื้นฟูศีลธรรมเชิงปัจเจกต่อไป และไม่ควรจะให้ใครหรือผู้ใดมาแอบอ้างวาทกรรมว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธอีกต่อไป ในที่สุดแล้ว ประวัติศาสตร์จะได้จารึกไว้ว่า การก่อเกิดอบายมุขอย่างเป็นทางการนั้น ได้ถือกำเนิดในยุคใด และใครเป็นผู้ดำเนินการหลักให้สำเร็จเสร็จสิ้นลงได้ ภายใต้ประชามติที่คนไทยส่วนใหญ่ให้การรับรองในการผลักประเทศไทยเข้าสู่อบายมุขอย่างเป็นทางการ เพื่อสู่การนำอบายมุขมาเป็นข้ออ้างในการพัฒนาเศรษฐและแก้ปัญหาสังคมตามข้ออ้างฝ่ายสนับสนุน จึงถือโอกาสนี้ แสดงความเห็นไว้เป็นที่ประจักษ์ ส่วนผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร ขอให้พิจารณาอย่างรอบด้าน ถึงกระนั้น ถ้าจะเดินหน้าให้ได้จริงๆ ขอย้ำว่าควรทำประชาพิจารณ์เพื่อให้พลเมืองทุกคน เช่น เด็ก เยาวชน ผู้สูงสูงวัย กลุ่มเปราะบาง รวมถึงนักบวช ได้มาร่วมกำหนดชะตากรรมของประเทศไทยด้วย