สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ว่านายทาริก จาราเซวิช โฆษกองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) กล่าวว่า ดับเบิลยูเอชโอเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญกับการรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของชาวโลก ซึ่งรวมถึงชาวอเมริกัน


ดับเบิลยูเอชโอหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าสหรัฐจะทบทวนการตัดสินใจ และเจรจาร่วมกัน เพื่อรักษาความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วน ระหว่างสหรัฐกับดับเบิลยูเอชโอต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของระบบสาธารณสุขโลก และคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วโลก


ปัจจุบัน สหรัฐเป็นประเทศผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของดับเบิลยูเอชโอ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นำสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกดับเบิลยูเอชโอ เนื่องจากเป็นองค์กรที่ “ยังคงทำตัวเป็นภาระ และเรียกร้องเงินสนับสนุนจากสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรม”


ทั้งนี้ ทรัมป์เคยลงนามในคำสั่งแบบเดียวกันนี้มาแล้ว เมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 โดยให้เหตุผลว่า ดับเบิลยูเอชโออยู่ภายใต้อิทธิพลของจีน

ทว่าการที่กระบวนการพ้นจากสมาชิกต้องใช้เวลานานถึง 1 ปี จึงจะมีผลอย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้นำสหรัฐที่รับตำแหน่งต่อจากทรัมป์เวลานั้น คือประธานาธิบดีโจ ไบเดน สามารถใช้อำนาจยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้.

เครดิตภาพ : AFP