สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าเตเคอร์กายารังสรรค์ก้อนขนมปังนี้ขึ้นมาใหม่ ด้วยส่วนผสมแบบเดียวกับผู้คนในยุคหินใหม่เมื่อหลายพันปีก่อน ที่เคยตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองซาทาลฮือยึค ( Catalhoyuk ) หนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองคอนยาของตุรกี


ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมี.ค. 2567 ทีมนักโบราณคดีประกาศการค้นพบโครงสร้างลักษณะคล้ายเตาอบขนาดใหญ่ที่ใช้ร่วมกันในชุมชน ซึ่งภายในพบเศษอาหาร รวมถึงวัตถุที่มีลักษณะเป็นฟองน้ำขนาดเท่าฝ่ามือที่ไหม้เกรียมที่เชื่อว่าเป็นขนมปัง โดยการวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งมหาวิทยาลัยเนคเมตติน เอร์บาคัน ยืนยันว่า องค์ประกอบของขนมปังที่มีการหมักนี้ประกอบด้วยถั่วลันเตา ข้าวบาร์เลย์ และข้าวสาลี


ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยอนาโดลูทางตอนกลางของตุรกี กล่าวว่าการค้นพบนี้ เป็นขนมปังที่มีอายุราว 8,600 ปี ซึ่งการค้นพบที่น่าสนใจนี้จุดประกายแรงบันดาลใจ ให้เตเคอร์กายาชุบชีวิตสูตรขนมปังที่สูญหายไปนี้ขึ้นมาโดยใช้ธัญพืช เมล็ดพืช และสารสกัดจากดอกไม้ที่พบและปลูกในภูมิภาคนี้ และสามารถปั้นแป้งเป็นก้อนกลมพร้อมอบบนกองฟืน ที่พิพิธภัณฑ์เมืองและวัฒนธรรมชีวิตเมรามในเมืองคอนยาได้สำเร็จ เมื่อช่วงต้นเดือนม.ค. หลังพยายามอยู่หลายครั้ง

แฟ้มภาพซินหัว : ขนมปังที่ทำขึ้นใหม่โดยใช้ส่วนผสมแบบเดียวกับที่ผู้คนในยุคหินใหม่ใช้ ในเมืองคอนยาของตุรกี


เตเคอร์กายากล่าวว่า ครั้งแรกที่ลองทำ ตัวขนมปังมีรสชาติขมและแข็งมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำตามตำรับโบราณอย่างสมบูรณ์ แต่หลังจากทดลองอยู่นานเกือบหนึ่งปี ในที่สุดเตเคอร์กายาสามารถทำขนมปัง แบบเดียวกับที่คนโบราณในเมืองซาทาลฮือยึคเคยรับประทานได้สำเร็จ


การคิดค้นขนมปังเชื่อมโยงใกล้ชิด กับการเปลี่ยนผ่านจากสังคมเก็บของป่าล่าสัตว์ไปสู่การทำเกษตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเกิดขึ้นในยุคหินใหม่ และเมืองซาทาลฮือยึคที่มีการค้นพบ เมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1960 ถูกจัดเป็นตัวอย่างสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมเกษตรกรรม ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนมากกว่า 8,000 คนในยุคหินใหม่ เมื่อราว 10,000-2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA