สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ว่า วุฒิสภาสหรัฐจัดการลงมติ เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายพีต เฮกเซธ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติออกมาที่ 50 ต่อ 50 เสียง เนื่องจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน 3 คน ร่วมออกเสียงคัดค้าน ทำให้รองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภา ต้องใช้สิทธิออกเสียงด้วย ซึ่งแน่นอนว่า แวนซ์ต้องลงมติสนับสนุนเฮกเซธ ส่งผลให้มติผ่านการรับรอง ด้วยเสียงสนับสนุนฉิวเฉียด 51 ต่อ 50 เสียง
#BREAKING: U.S. Senate CONFIRMS Pete Hegseth to be Secretary of Defense, 51-50. @VP Vance breaks tie, second tie-breaking vote on Cabinet nominee in history. pic.twitter.com/6TiVfYQxR6
— CSPAN (@cspan) January 25, 2025
มีการวิเคราะห์ว่า การที่คะแนนรับรองเฮกเซธออกมาอย่างเฉียดฉิวขนาดนี้ สะท้อนความไม่เชื่อมั่นและความกังวลของหลายฝ่าย ที่มีต่อคุณสมบัติของเฮกเซธ แม้เคยเข้าร่วมกับกองทัพสหรัฐ ในการเป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ แล้วผันตัวไปทำงานด้านสื่อสารมวลชน ด้วยการเป็นผู้ดำเนินรายการ ให้กับฟ็อกซ์ นิวส์
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมถือว่า เจ้าตัวไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเมือง และไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ขณะที่กองทัพสหรัฐมีบุคลากรทั้งทหารและพลเรือน รวมกันมากกว่า 3 ล้านคน
ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องของสงครามในยูเครน สงครามในฉนวนกาซา ความขัดแย้งกับจีน และสถานการณ์ด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับความรู้รอบตัว คือการที่เฮกเซธยอมรับว่า ไม่รู้จักสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับภูมิหลังของเฮกเซธ ทั้งทัศนคติต่อผู้หญิง และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ฝ่ายสนับสนุนเชื่อมั่นว่า การที่เฮกเซธเคยผ่านสมรภูมิทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน คือการทำให้เฮกเซธ “มีความเข้าใจ” กับเรื่องภายในกระทรวงกลาโหม.
เครดิตภาพ : AFP