ทีมข่าวเดลินิวส์เฉพาะกิจส่วนกลาง ยังเกาะติดปัญหาการก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ และก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่ง ของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ผู้รับจ้าง เป็นคู่สัญญากับ หจก.เฮงนำกิจ และ หจก.ประชาพัฒน์ รวม 8 โครงการ รวมเป็นเงิน 545 ล้านบาท เบิกเงินทั้งแอดวานซ์ 15% เบิกเงินงวดไปในแต่ละโครงการรวมกว่า 250 ล้านบาท และทุกโครงการไม่สามารถก่อสร้างเสร็จแม้แต่โครงการเดียว ที่ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของ กมธ.ป.ป.ช. ตรวจสอบแบบข้ามปีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 68 ที่ ชุมชนซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จุดโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว งบ 59,350,000 บาท ซึ่งผู้รับจ้างได้ถูกยกเลิกสัญญาไปเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 67 ได้มีชาวบ้านผู้นำชุมชนต่างพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การตรวจสอบของ กมธ.ป.ป.ช. ที่กำลังเร่งรัดให้ กรมโยธาฯ ในฐานะผู้ว่าจ้างเร่งดำเนินการเอาผิดกับผู้รับจ้าง แต่มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นกลุ่มธรรมาภิบาลฯ ไปร้องประธานสภา ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการตรวจสอบคณะที่ปรึกษาฯ ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล แสวงหาผลประโยชน์ อ้างเป็นสื่อมวลชน
นางรัตนา มาตประสงค์ ประธานชุมชนซอนน้ำทิพย์ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา 7 ชั่วโคตร ทุกโครงการ ประชาชนยังเฝ้าติดตามเพื่อรอบทสรุปที่เชื่อมั่นว่าคำร้องเรียนของประชาชนถึง กมธ.ป.ป.ช. ที่ได้เข้ามาติดตามตรวจสอบในพื้นที่ไปแล้วนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตในโครงการนี้ได้ เพราะชัดเจนว่า การก่อสร้างมีการเบิกจ่ายเงิน มีการทิ้งงาน ทำให้ประชาชนขาดโอกาสและทำให้รัฐบาลเสียหายจากเงินภาษี ทุกวันนี้จึงได้เฝ้ารอติดตามข่าว เพราะในจุดก่อสร้างบริเวณนี้ร่องรอยความเจ็บช้ำใจก็คือ เศษหิน กองขยะ และเสาเข็มจำนวนมาก การที่มีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นกลุ่มธรรมาภิบาลฯ ออกมาร้องเรียน กมธ.ป.ป.ช. มองว่าเป็นการด้อยค่าการทำงานฯ ของ กมธ.ปป..ช. ที่กำลังติดตามตรวจสอบในหลายโครงการที่เชื่อว่าจะต้องไปกระทบกลุ่มผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่

“แต่ในทางกลับกัน พวกธรรมาภิบาลฯ น่าจะมาร่วมตรวจสอบโครงการ 7 ชั่วโคตรมากกว่า เพราะที่ผ่านมาประเด็นการร้องเรียนก็เกิดขึ้นจากเครือข่ายธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เครือข่าย ป.ป.ท.จ.กาฬสินธุ์ และทุกอย่างเป็นความจริง ไม่ทำงานจริง เบิกจ่ายจริง ทิ้งงานจริง ควรที่จะมาช่วยเหลือตรวจสอบร่วมกับประชาชนมากกว่า ดังนั้นก็ขอเป็นกำลังใจให้กับ กมธ.ป.ป.ช. เดินหน้าติดตามหาความจริง นำเงินภาษีราษฎรกับคืนมาให้แผ่นดิน อย่าให้พวกขี้โกงมีแผ่นดินอยู่ เพื่อเป็นโมเดลกาฬสินธุ์ปราบโกง และเป็นบรรทัดฐานในการป้องกันปัญหาการทุจริตต่อไปในอนาคต” นางรัตนา กล่าว
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวว่า การติดตามตรวจสอบโดย กมธ.ป.ป.ช. มีการลงพื้นที่มีการเรียกประชุมชี้แจงจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ไปแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็น ปธ.กมธ.ป.ป.ช. ครั้งที่ 2 วันที่ 18 ธ.ค. 67 และครั้งที่ 3 วันที่ 16 ม.ค. 68 (ดร.ฉลาด ขามช่วง เป็น ปธ.กมธ.ป.ป.ช.) การประชุมทุกครั้ง กมธ.ป.ป.ช. ได้รับคำตอบปากเปล่า และกรมโยธาฯ ไม่ได้พูดถึงความบกพร่องของบุคคลที่รับผิดชอบสัญญา นั่นคือผู้บริหารสัญญาและช่างผู้ควบคุมงาน ทั้งในส่วนราชการและบริษัทเอกชนที่เข้ามาควบคุมงานยังไม่ถูกตั้งกรรมการสอบ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ การเอาผิดเรียกเงินคืนจากค่าความเสียหายทั้งหมด ถึงแม้ว่า สตง. จะเข้ามาตรวจสอบและเป็นกระบวนการหนึ่งในการติดตามพิทักษ์เงินของแผ่นดิน แต่ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยตรงก็คือ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ถือเป็นผู้ว่าจ้าง ทำสัญญาจ้างกับ 2 หจก.ขาใหญ่ทุกโครงการ จะต้องรีบฟ้องร้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดี เรียกค่าเสียหาย กรณีทิ้งงาน เพราะหากล่าช้าไปจะทำให้คดีนี้ขาดอายุความและไม่สามารถเรียกเงินกลับคืนแผ่นดินได้
”คดีนี้มองว่าเป็นคดีจ้างทำ มีการรับผิดทางแพ่ง แต่ประเด็นสำคัญ สัญญาจ้างเกิดขึ้นระหว่างรัฐกับเอกชนมีบุคคลเกี่ยวข้องก็คือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นคู่สัญญา ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารสัญญาเมื่อรู้ว่าก่อสร้างไม่เสร็จ ผู้บริหารสัญญา-ผู้ควบคุมงาน ก็ต้องติดตามดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ควรจะต้องทำเพื่อปกป้องเงินภาษีในการเรียกค่าเสียหายเอาเงินมาคืนแผ่นดิน เพราะเงินทั้งหมดนี่คือเงินภาษีของราษฎรทั้งนั้น การที่ กรมโยธาฯ ไม่ดำเนินการใดๆ ในการเอาผิด หากอนาคตปล่อยให้คดีส่วนแพ่งขาดอายุความ เจ้าหน้าที่ของรัฐคนนั้นอาจจะต้องถูกดำเนินคดีในภายหลังในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลย ยังจะส่งผลให้ กรมโยธาฯ ที่เกี่ยวพันในเรื่องนี้ ถูกดำเนินคดีอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเกษียญออกไปเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้าน เชื่อว่ากฎหมายก็จะลากคอให้มาติดคุกในภายหลังให้สาสมกับฐานานุโทษที่จะได้รับในตราบาปที่สร้างผลกระทบให้กับคนกาฬสินธุ์“ แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด.