จากกรณีเพจอีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดช็อก เมื่อมีแร็ปเปอร์รายหนึ่งบุกไปหาเรื่องน้องมัธยมคนหนึ่ง แถมยังคุกคามส่งภาพน้ำอสุจิบนเตียงไปให้เด็กดู ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 68 มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” ได้โพสต์คลิปวิดีโอของแร็ปเปอร์หนุ่มรายนี้ ที่ออกมาชี้แจงปมดราม่าร้อนบุกโรงเรียนหาเรื่องเด็กมัธยม ซึ่งเล่าว่า “ผมขอยืนยันอย่างบริสุทธิ์ใจว่าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเป็นความจริง แต่ทุกคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นเป็นสิทธิของทุกคน ผมเคารพความคิดทุกคนและผมบังคับความคิดใครไม่ได้ ซึ่งเด็กนักเรียนที่เห็นในคลิป เคยเป็นรุ่นน้องที่ผมสนิทและไว้ใจมากๆ ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ด้วยความที่ผมมีประสบการณ์แร็ปมาพอสมควร ผมจึงมองน้องออกว่าคนนี้มีของ จึงซัพพอร์ตในเรื่องเพลงหลายๆ อย่าง”

อีกทั้ง “ช่วยอัดเพลง ช่วยทำดนตรีให้และพาไปที่บ้าน ตลอดจนพาไปแข่งขันในรายการต่างๆ และเคยได้แชมป์มาแล้วรายการหนึ่ง ซึ่งเป็นแชมป์คู่ที่ทำด้วยกัน ผมคุยกับเขามาเรื่อยๆ แต่พอเริ่มสนิทกันมาในระดับหนึ่ง มันเริ่มมีนิสัยบางอย่างของเขาที่ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ แล้วก็อึดอัดในระดับหนึ่งเลย เช่น ล้อปมในใจผม ที่ผมเคยเป็นโรคซึมเศร้าและตอนนี้ก็ยังเป็นกำลังรักษาอยู่ ซึ่งผมได้บอกเขาตลอดว่า ผมไม่โอเคกับสิ่งที่เขาทำ แต่ทุกครั้งที่ผมบอก คำตอบที่ผมได้รับกลับมาคือ เขาอ้างว่าต้องการทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น จะได้รับอะไรแย่ๆได้ ผมเลยทนมาโดยตลอด แต่พอมันเริ่มมากๆ เข้า”

อีกทั้ง “ผมมาทบทวนตัวเองอีกที ปรึกษาผู้ใหญ่หลายๆ คน รวมถึงนักจิตวิทยาที่ผมกำลังได้รับการบำบัดในโรงพยาบาลอยู่ ซึ่งคำตอบไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่มีต้นไม้ต้นไหนจะเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แบบจากการรดน้ำกรด ถ้าเขาตั้งใจจะให้ผมเติบโตจริงๆ หลายๆ คนบอกว่าเขาควรแนะนำในสิ่งที่ผมผิดพลาดมากกว่าซ้ำเติม และแนะนำให้ออกห่าง”

นอกจากนี้ “หลังจากนั้นก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ เขาเริ่มโพสต์ด่าผมและแซะผมในอินสตาแกรม บวกกับผมได้ยินมาจากเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ว่าเขาจะทำเพลง Diss Track พูดง่ายๆ ก็คือเพลงด่าผม ซึ่งผมยังไม่ทราบแน่ชัดในเรื่องนี้ ซึ่งผมไม่ได้กลัวการโดนด่า เพียงแค่ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เพราะที่ผ่านมาเขาก็เป็นรุ่นน้องคนหนึ่งเลยที่ผมรัก และอีกอย่างมีคนไม่ชอบผมเยอะพอสมควรในวงการ ผมตั้งใจมาตลอดว่าผมไม่ตอบกลับคนที่ด่าผมมาเลย”

อีกทั้ง “ผมกับเพื่อนที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มาโดยตลอด จึงตัดสินใจโทรหาเขาในคืนวันนั้น แต่สิ่งที่ได้คือเขาไม่รับสาย ผมเลยตัดสินใจไปหาเขาที่โรงเรียน โดยจุดประสงค์ที่เข้าไปวันนั้น คือต้องการไปเจรจาอย่างสันติ และหลายๆ คนที่เห็นในเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทำท่าทีกีดกันแต่อย่างใด วันนั้นผมยืนยันอย่างบริสุทธิ์ใจว่าผ่านกระบวนการของโรงเรียนทุกอย่าง ไม่ใช่การพุ่งเข้าไปโดยพลการ”

“อีกเรื่องคือคลิปที่ออกไปนั้น ถ่ายในมือถือของเพื่อนผมที่ไปด้วยกันในวันนั้น เป็นแค่ช่วงหนึ่งของการเจรจากันที่ไม่ลงรอยในบางอย่าง จึงถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นผมได้ส่งคลิปนี้ไปปรึกษารุ่นพี่คนหนึ่งที่ตนไว้ใจ ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นได้ให้คำปรึกษาตนในระดับหนึ่งมาพอประมาณ แต่สุดท้ายรุ่นพี่คนนั้นกลับนำคลิปทั้งหมดไปแชร์ต่อ ในลักษณะตัดเฉพาะท่อนเดียวเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม “หลังจากเกิดเหตุการณ์จบ เราได้มีโอกาสไปคุยกับครูฝ่ายปกครอง ทางครูได้มีการเรียกผู้ปกครองรวมถึงตัวน้องเอง มาเคลียร์ใจ และรุ่งขึ้นผมได้รับโทรศัพท์จากครู พร้อมกับคำขอโทษที่แม่น้องฝากมาและสัญญาว่าจะต่างคนต่างอยู่ ผมยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่าผมไม่ได้มีเจตนาข่มขู่จริงๆ หากผมมีเจตนาคงไม่มีโรงเรียนไหนที่ไม่ชาร์จตัว แถมยังเข้าใจในประเด็นที่เกิดขึ้นด้วย และผมสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็นที่เกิดขึ้น”

ขอบคุณข้อมูล : อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ คลิกเพื่อชมคลิป