เป็นอีกคู่ที่รักกันมาอย่างยาวนานและรอคอยวันนี้มาโดยตลอด สำหรับ คู่ของ ปีใหม่ สุมนต์รันต์ และ ป๋าต๊อบ ปฏิญญา ที่หลังจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว ทั้งคู่ได้ถือฤกษ์ดี จดทะเบียน ณ ร้านขันธ์รักษา โดยป๋าต๊อบและปีใหม่ จดปลายปากกาเซ็นเอกสารในเวลา 13.11 น. ท่ามกลางเพื่อนๆ และสื่อมวลชนที่มาร่วมยินดีและเป็นสักขีพยานให้กับความรักของทั้งคู่

จากนั้นทั้งคู่ได้บรรจงสวมแหวนให้กันและกัน ซึ่งหลังจากเสร็จพิธี ป๋าต๊อบและปีใหม่ได้ให้สัมภาษณ์คนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ โดยป๋าต๊อบเผยว่า

“แอบตื่นเต้นรู้สึกดีใจอย่างที่พี่เคยบอกเหมือนรอดชีวิตมาได้จากชีวิตที่เคยใช้ความดำมืดทั้งหลายแต่เปลี่ยนเป็นสว่าง ถ้าเลิกกับเขาไปไม่รู้ตั้งกี่รอบจนมีวันนี้ ครั้งสุดท้ายไปง้อมาบอกเขาว่าเชื่อพี่สิ พี่จะไม่ทำให้ใหม่ผิดหวัง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านไป 16 ปีกว่ากับการแก้ไขตัวเองมาเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เขาผิดหวังนะ การสมรสมันเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับความสบายใจ ความปลอดภัยทั้งหลาย พินัยกรรม อย่างที่บอกในวันที่พี่ไม่อยู่ เขาต้องมีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีเพราะเขาอยู่กับเรามาตั้งนาน ไม่ต้องมีการมาแบ่งว่าอันนี้ของใครอันนั้นของใคร มันคือสินสมรส”

“เคยมีไม่สบายมากครั้งหนึ่งปวดท้องไส้ติ่งจะแตกต้องลุกขึ้นมาเซ็นไส้ติ่งจะระเบิดอยู่แล้ว แต่ต้องลุกมาเซ็น มันรู้สึกว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ อยู่ดีๆ เป็นอะไรขึ้นมาฉับพลัน แล้วไม่ได้ทำอะไรให้เลย ไม่ได้ดูแลไว้เลย อยู่ด้วยมาใช้ชีวิตด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกันมาแต่ไปตกเป็นของคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในชีวิตเรา พี่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องนี้เพราะมันสำคัญ หลังคาคลุมหัวเราสำคัญ พี่อาจจะไม่ได้มีอะไรเยอะแยะมากมาย มีเท่าที่พี่หาได้ พี่รอวันนี้มานานคิดว่ามันน่าจะเกิดได้”

ป๋าต๊อบ เผยต่อว่า “แพลนการมีทายาท คำว่าครอบครัวเราอย่าตีความผิด พี่รู้ว่าน้องอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก พี่ก็เข้าไปช่วยนั่นคือสิ่งที่ครอบครัวเขาทำกันหรือเปล่า ครอบครัวคือครอบครัวถ้าเราเห็นทุกคนเหมือนกับครอบครัว เราก็จะไม่ผลักไส เราจะไม่เห็นความต่าง เราจะไม่หาเรื่องอะไรที่ไม่เข้าเรื่องแล้วก็ให้โอกาสกันและกันมากกว่านี้

จากนี้ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมเพราะว่าพี่ยังมีพ่อที่พี่รัก มีแม่ที่พี่รัก แล้วก็ยังอยู่หลังคาเดียวกันกับใหม่กับพี่ แต่ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างหนึ่งคือใกล้ชิดดูแลพ่อแม่มากขึ้นกว่าที่เคยทำมา เพราะว่ามันก็เป็นโอกาสของเรามีอะไรให้ปรับตลอดเวลา หลังจากนี้พี่ไม่ต้องกลัวพี่มีใหม่คอยดูแล พี่ก็ไปทำสิ่งที่ควรทำ”

“สิ่งอยากขอบคุณเมื่อก่อนเวลาเราไปแต่งงานเราบินไปตามที่มัลดีฟส์ทำกันลับๆ สองคน ไม่มีคนอื่นเลยไม่มีใครรู้ แต่วันนี้คนรับรู้ รู้สึกดีถ้าให้ขอบคุณเดี๋ยวจะร้องไห้ พี่ขอบคุณทุกเช้าตื่นมาตอนเช้าก็ขอบคุณ ขอบคุณที่ยังมีลมหายใจ หัวใจยังเต้นอยู่ตื่นมาจับมาแล้วยังรู้สึกได้ถึงแขนขาและร่างกาย จับมือคนข้างๆ บีบมือกู๊ดมอร์นิ่ง ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้โอกาส ถ้าพ่อแม่ไม่ให้โอกาสชีวิตพี่ก็ไม่มีวันนี้ ขอบคุณแม่ของปีใหม่ด้วย น้องๆ ของปีใหม่ที่ให้ความไว้ใจ ให้พี่เอาลูกเขามาอยู่ด้วย รับพี่เข้าเป็นครอบครัวของพวกเขา โดยที่ไม่ตะขิดตะขวงใจไม่ว่าจะเป็นแม่หรือน้องทั้งสอง

แผนการมีทายาทที่มีน้องปีใหม่แล้วเลี้ยงน้องเหมือนเลี้ยงลูกมีแมวด้วย เดี๋ยวค่อยเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้ก็มีดีใจแล้วค่ะ”

ปีใหม่ เผยว่า “ย้อนกลับจริงๆ ก็มานั่งคิดเหมือนกัน ว่าไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่ามันจะมีวันนี้ได้กลายเป็นว่าเราเลือกถูกคนเหมือนเราเสี่ยงดวงแล้วถูกหวย กับการที่วันนั้นเขาเลือกทางเดินชีวิตใหม่ให้กับเรา เราเลยรู้สึกว่าในชีวิตเราไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้กับเราเลย เรามาลองอีกสักตั้งมันคุ้มค่า สิ่งที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเราจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตคือเค้ารู้สึกเสียใจเวลาที่เห็นใหม่เสียใจ ไม่ว่าสิ่งนั้นเขาจะผิดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่เมื่อเขาเห็นเราเสียใจปุ๊บเค้าเสียใจ มันทำให้เรารู้ว่าเขาเปลี่ยนได้หรือการให้อภัยของเรา การให้โอกาสมันเลยเป็นความรู้สึกที่เต็มใจที่จะให้ เพราะเขาไม่ได้มีความสุขบนความทุกข์ของเรา เมื่อไหร่ที่เราทุกข์ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขากี่ครั้งก็ตาม บางทีเขาเสียใจยิ่งกว่าใหม่เสียอีก เขาก็โทษตัวเองแล้วเขาก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรารู้สึกว่า นี่แหละคือความรักถ้าเขามีความสุขเราก็มีความสุขเหมือนกันถ้าเขาเห็นเราทุกข์เขาก็ทุกข์ด้วย”

“เวลาเราอยู่ด้วยกันเราต้องไม่บังคับไม่ฝืนใจต้องให้อิสระกับอีกคนในความเป็นเขา วันหนึ่งที่เขาอยากเปลี่ยนมันต้องเป็นด้วยใจของเขาเอง เราเองเวลาอยู่ด้วยกันต้องทำความเข้าใจเยอะๆ เพราะเราเข้าใจยอมรับกันได้มันจะทำให้มันมีพื้นที่ที่เราจะยืดแขนยืดขาแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันได้แบบสบาย”

ปีใหม่ เผยต่อว่า “การจดทะเบียนสมรสไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของเงินทองเท่าไหร่เพราะว่าถ้าจริงๆ แล้วคนเราอยากยกอะไรให้ใครแล้วเขียนพินัยกรรมขึ้นมาก็ได้ แต่ในเรื่องของการเป็นคู่ที่ถูกรับรองโดยกฎหมาย สมมุติว่าเขาน็อกเข้าโรงพยาบาล หนูอยู่กับเขาสองคน หนูสามารถจัดการตัดสินใจหรือเซ็นอะไรในเรื่องของสุขภาพร่างกายเขาได้เลย ไม่ต้องรอให้คนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ข้างๆ มาจัดการ หนูไปต่างประเทศ หนูเข้า ตม. แล้วมันดูแล้วมันดูเป็นครอบครัวเดียวกันถูกรับรองโดยประเทศไทยว่าเราผูกสัมพันธ์โดยครอบครัวมันมีความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า”

“ใหม่ขอบคุณทุกอย่างที่พี่จริงใจมอบให้ ทั้งการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งให้ความรัก ทำกับข้าวให้ใหม่กินทุกวัน”