“Prime Video” เปิดเผยรายชื่อ 10 อันดับเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในปี 2567 โดยภาพยนตร์วัยรุ่นสัญชาติสเปนเรื่อง “Culpa Tuya” ได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ขึ้นแท่นเป็นเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศที่มียอดผู้ชมสูงสุดตลอดกาลบน Prime Video ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานภาคสองซึ่งสร้างจาก “Culpables” นวนิยายไตรภาคระดับ best selling ของ Mercedes Ron โดยเปิดตัวบน Prime Video เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ใน 240 ประเทศและแขตแดนทั่วโลก

ทันทีที่เปิดตัว Culpa Tuya ครองอันดับ 1 บน Prime Video ในมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสเปน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี บราซิล เม็กซิโก โคลอมเบีย อาร์เจนตินา ชิลี และแคนาดา ติดอันดับ 1 ใน 3 ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร และติดอันดับ 1 ใน 10 ในกว่า 220 ประเทศ ปัจจุบัน Culpa Tuya กลายเป็นเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศที่มียอดผู้ชมสูงสุดบน Prime Video ทั่วโลกหลังเปิดตัว โดย 90% ของการรับชมมาจากผู้ชมนอกประเทศสเปน
โดย 10 อันดับ เนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดบน Prime Video ในปี 2567 (จัดอันดับจากจำนวนผู้เข้าชมนอกประเทศผู้ผลิต) มีดังนี้
1. Culpa Tuya (ภาพยนตร์, สเปน, ธันวาคม 2567)

“Culpa Tuya” (Your Fault) เป็นเรื่องราวภาคสองที่สานต่อความสำเร็จของ Culpa Mía (My Fault) ซึ่งเปิดตัวบน Prime Video ในเดือนมิถุนายน 2566 และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนกลายเป็นภาพยนตร์ออริจินัลภาษาต่างประเทศที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดทั่วโลก โดย Culpa Mía ดัดแปลงมาจากหนังสือเล่มแรกของนิยายไตรภาค Culpable ซึ่งติดอันดับขายดีที่สุดของนิวยอร์กไทมส์จากปลายปากกาของนักเขียน Mercedes Ron ติดอันดับ 10 อันดับแรกของรายการที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในกว่า 190 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อินเดีย อาร์เจนตินา และฝรั่งเศส และในภาคสอง Culpa Tuya จึงกลับมาพร้อมกับนักแสดงนำ “Nicole Wallace” และ “Gabriel Guevara” ที่มาสานต่อบทบาทโนอาห์และนิคอีกครั้ง
ความรักระหว่างโนอาห์และนิคดูเหมือนจะไม่มีวันแยกจาก แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะพยายามทำให้พวกเขาเลิกกันก็ตาม แต่ทว่างานของเขาและการเข้าเรียนในวิทยาลัยของเธอกำลังนำพาให้ชีวิตของทั้งคู่ได้พบกับความสัมพันธ์ใหม่ๆ การปรากฏตัวขึ้นของอดีตแฟนสาวที่ต้องการแก้แค้น และแม่ของนิคที่มีจุดประสงค์คลุมเครือ ไม่เพียงสั่นคลอนรากฐานความสัมพันธ์ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงครอบครัวเลสเตอร์ด้วย เมื่อมีคนมากมายที่พร้อมทำลายเรื่องราวความรักของพวกเขา เรื่องราวจะจบลงด้วยดีได้จริงหรือไม่
2. Apocalypse Z: The Beginning of the End (ภาพยนตร์, สเปน, ตุลาคม 2567)

ภาพยนตร์แนวผจญภัยระทึกขวัญที่ดัดแปลงมาจากหนังสือเล่มแรกของนิยายไตรภาคที่ประสบความสำเร็จของ Manel Loureiro ผลิตโดย Nostromo Pictures เรื่องราวหลังเกิดหายนะที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณสูบฉีด เรื่องราวเข้มข้นอัดแน่นผสานแอ็กชั่น พร้อมด้วยกลิ่นอายดราม่าและคอเมดี้ กำกับโดย Carles Torrens และนำแสดงโดย Francisco Ortiz, Berta Vázquez และ Jose María Yazpik โดยมี Ángel Agudo เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ Carles Torrens เป็นผู้กำกับ ขณะที่ Núria Valls และ Adrián Guerra เป็นผู้อำนวยการสร้าง
Apocalypse Z: The Beginning of the End ว่าด้วยเรื่องราวขณะที่โรคประหลาดคล้ายโรคพิษสุนัขบ้าเริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกจนเกินจะควบคุมได้ และเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดร้าย แต่ชีวิตของ Manel (Francisco Ortiz) นั้นเหมือนเขาอยู่ในวันสิ้นโลกในแบบของตัวเองมาสักพักแล้ว เขายังคงสะเทือนใจกับการสูญเสียภรรยาจากอุบัติเหตุ เศร้าและปลีกตัวจากคนในครอบครัวมานานหนึ่งปี โดยมีแมวของเขา Lúculo เป็นเพื่อนเพียงคนเดียว

เมื่อการแพร่กระจายของโรคติดต่อร้ายแรงขึ้น น้องสาวของเขายืนยันให้เขาออกจาก Vigo และไปเจอเธอที่หมู่เกาะ Canary แต่แผนการกลับล้มเหลว สถานการณ์บังคับให้เขาและ Lúculo ต้องออกเดินทางและได้พบกับเพื่อนร่วมทางจำเป็นที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ Apocalipsis Z: El principio del fin เป็นเรื่องราวของความเศร้าจากการสูญเสีย การออกเดินทางเพื่อเอาตัวรอดทั้งทางกายและทางใจ พร้อมด้วยแอ็กชั่นและความลุ้นระทึก การติดเชื้อ เลือด… และแมวขี้บ่น
3. Maxton Hall: The World Between Us (ซีรีส์, เยอรมนี, พฤษภาคม 2567)

ซีรีส์ที่สร้างจากนวนิยายไตรภาคขายดีเรื่อง Save Me, Save You และ Save Us ของนักเขียน Mona Kasten ผลิตโดย UFA Fiction เรื่องราวความรักยุคใหม่ระหว่าง เจมส์ โบฟอร์ต (Damian Hardung) และ รูบี้ เบลล์ (Harriet Herbig-Matten) เมื่อรูบี้ค้นพบความลับน่าตกใจในโรงเรียนแม็กซ์ตันฮอลล์โดยไม่ได้ตั้งใจ เจมส์ โบฟอร์ต ทายาทเศรษฐีผู้หยิ่งผยองจึงต้องรับมือกับนักเรียนทุนผู้มีไหวพริบอย่างรูบี้ เขามุ่งมั่นที่จะปิดปากเธอให้สนิท แต่แล้วการปะทะคารมอันร้อนแรงระหว่างพวกเขาทั้งคู่กลับจุดประกายบางอย่างขึ้นโดยไม่คาดคิด
4. Citadel: Diana (ซีรีส์, อิตาลี, ตุลาคม 2567)

ซีรีส์สัญชาติอิตาลีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลสายลับระดับโลก นำแสดงโดย Matilda De Angelis สมทบด้วยทีมนักแสดงระดับโลก อาทิ Lorenzo Cervasio , Maurizio Lombardi, Julia Piaton, Thekla Reuten, Giordana Faggiano, Daniele Paoloni, Bernhard Schütz และ Filippo Nigro Citadel: Diana กำกับโดย Arnaldo Catinari
มิลาน, 2573 (ค.ศ. 2030): เมื่อแปดปีก่อน หน่วยงานสายลับอิสระระดับโลกอย่าง Citadel ได้ล่มสลายลงจากการทำลายโดยหน่วยปฏิบัติการของ Manticore ตั้งแต่นั้นมา Diana Cavalieri (Matilda De Angelis) สายลับนอกเครื่องแบบของ Citadel จึงต้องอยู่ตัวคนเดียวและติดอยู่ในพื้นที่ของศัตรูใน Manticore และในที่สุดเมื่อเธอมองเห็นทางออกและโอกาสที่จะหายตัวไปตลอดกาล วิธีเดียวที่เธอจะทำเช่นนั้นได้คือการไว้วางใจพันธมิตรที่คาดไม่ถึงที่สุด Edo Zani (Lorenzo Cervasio) ทายาทของ Manticore อิตาลี และลูกชายของหัวหน้าองค์กรอิตาลี Ettore Zani (Maurizio Lombardi) ผู้กำลังช่วงชิงตำแหน่งผู้นำกับตระกูลอื่นๆ ในยุโรป
5. Citadel: Honey Bunny (ซีรีส์, อินเดีย, พฤศจิกายน 2567)

ซีรีส์สัญชาติอินเดียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลสายลับระดับโลก Citadel กำกับโดย Raj & DK (Raj Nidimoru และ Krishna DK) เขียนบทโดย Sita R. Menon ร่วมกับ Raj & DK ซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดย Varun Dhawan (วรุณ ดาวัน) และ Samantha (ซาแมนธา) ร่วมกับ Kay Kay Menon (เคย์ เคย์ เมนอน) พร้อมด้วยทีมนักแสดง ได้แก่ Saqib Saleem , Simran, Sikandar Kher, Soham Majumdar, Shivankit Parihar และ Kashvi Majmundar
เรื่องราวน่าติดตามของสายลับในยุค 90 ซึ่งมาพร้อมกับฉากแอ็กชั่นสุดระทึก งานสตั๊นท์อันน่าทึ่ง และความตื่นเต้นที่ทำให้คุณลุ้นจนแทบหยุดหายใจ ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับการแสดงที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ และงานภาพแบบยิ่งใหญ่จัดเต็ม เมื่อสตั๊นท์แมนอย่างบันนี่ (วรุณ ดาวัน) ชักชวนนักแสดงสาวตกอับ ฮันนี่ (ซาแมนธา) ให้มาร่วมงานกับเขา ทั้งสองก็ถูกเหวี่ยงเข้าสู่โลกสุดอันตรายของแอ็กชั่น สายลับ และการทรยศ หลายปีต่อมา เมื่ออดีตอันเสี่ยงภัยของพวกเขากลับมาตามหลอกหลอนฮันนี่และบันนี่ที่ตอนนี้กลายเป็นคนแปลกหน้าจะต้องกลับมาจับมือต่อสู้ร่วมกัน เพื่อปกป้องลูกสาวตัวน้อยของพวกเขา นาเดีย
6. Red Queen (ซีรีส์, สเปน, กุมภาพันธ์ 2567)

ด้วยระดับไอคิวสูงถึง 242 คะแนน “แอนโทเนีย สกอตต์” (Antonia Scott) นับว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลก ความฉลาดของเธอทำให้เธอกลายเป็น “ราชินีแดง” ของโครงการทดลองลับของตำรวจ แต่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นของขวัญนี้กลับกลายเป็นคำสาปที่ทำให้เธอต้องสูญเสียทุกสิ่งใน ท้ายที่สุด เมื่อมีการพบว่าลูกชายของมหาเศรษฐีถูกฆาตกรรมอย่างน่าสยดสยอง และลูกสาวของชายที่ร่ำรวยที่สุดในสเปนถูกลักพาตัว องค์กร Red Queen จึงเริ่มเคลื่อนไหว “เมนเทอร์” (Mentor) อดีตเจ้านายของแอนโตเนียหันไปหา “จอน กูติเอร์เรซ” (Jon Gutiérrez) ตำรวจอารมณ์ร้อนที่จวนเจียนจะถูกไล่ออกจากกองเพื่อดึงแอนโทเนียกลับมาปฏิบัติการอีกครั้ง
เกมไล่ล่าชิงไหวชิงพริบแบบแมวจับหนูที่จอนและแอนโทเนียเข้าไปพัวพันระหว่างการสืบสวนทำให้พวกเขาพบว่าต่างก็ชื่นชมและเติมเต็มกันและกันมากพอๆ กับที่พวกเขาทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด Red Queen เป็นซีรีส์ระทึกขวัญที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมาดริด ผ่านส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเรื่องราวการสืบสวนที่รวดเร็วน่าติดตาม และเคมีระหว่างสองตัวละครเอกที่น่าดึงดูดและเต็มไปด้วยไหวพริบ
7. Marry My Husband (ซีรีส์, เกาหลี, มกราคม 2567)

Marry My Husband เป็นผลงานซีรีส์ tvN และ Amazon Original ซึ่งผลิตโดย Studio Dragon บริษัทย่อยของ CJ ENM ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากนวนิยายออนไลน์ยอดนิยม บอกเล่าเรื่องราวการแก้แค้นอันน่าติดตามของ “คังจีวอน” (พัคมินยอง) หญิงสาวที่ป่วยหนักระยะสุดท้าย และพบว่าสามี “พัคมินฮวาน” (อีอีคยอง) แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “จองซูมิน” (ซงฮายุน) เพื่อนสนิทของเธอ แต่แล้วเธอก็ได้รับโอกาสให้ข้ามเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อนหน้า แผนการพลิกโชคชะตาเพื่อล้างแค้นของเธอจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีเพื่อนร่วมงานอย่าง “ยูจีฮยอก” (นาอินอู) คอยให้ความช่วยเหลือ
คังจีวอนเป็นหญิงสาวธรรมดาๆ ที่พบกับความยากลำบากในชีวิตครอบครัวและที่ทำงาน เธอใช้ชีวิตอย่างเสียสละเพื่อคนที่รัก ดูแลสามีที่ไม่เอาไหน และถูกครอบครัวของสามีข่มเหง เพียงเพื่อพบว่าเธอถูกเอาเปรียบจากความดีของตัวเอง เมื่อสามีของเธอลักลอบคบชู้กับเพื่อนสนิทคนเดียวที่เธอมีมากไปกว่านั้นคือจีวอนยังต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งอีกด้วย แต่แล้วโชคก็กลับมาเข้าข้างเธออีกครั้ง เมื่อจีวอนได้รับโอกาสให้เดินทางกลับไปในอดีต และวางแผนส่งต่อความโชคร้ายให้คนทรยศ
8. No Gain No Love (ซีรีส์, เกาหลี, สิงหาคม 2567)

ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติก-คอเมดี้ที่พูดถึงความสัมพันธ์แบบไม่ยอมเสียประโยชน์ รวมนักแสดงนำอย่าง ชินมินอา, คิมยองแด, อีซังอี, ฮันจีฮยอน และทีมนักแสดงอีกมากมาย กำกับโดย ผู้กำกับคิมจองชิก และเขียนบทโดยคิมฮเยยอง ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความรักยุคใหม่และการไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งในด้านความรัก เงินทอง และการงาน หลังจากที่ “ซนแฮยอง” (รับบทโดย ชินมินอา) ต้องเผชิญกับความสูญเสียในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก และการงาน เธอจึงพยายามเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองด้วยการจัดการงานแต่งงานปลอมๆ ขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองพลาดการเลื่อนตำแหน่งในบริษัท โดยมี “คิมจีอุก” (รับบทโดย คิมยองแด) พนักงานร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน มารับหน้าที่เจ้าบ่าวกำมะลอ
คิมจีอุกทำงานเป็นพนักงานกะกลางคืนซึ่งเป็นที่รู้จักของบรรดาเพื่อนบ้านในฐานะพลเมืองต้นแบบผู้ไม่สามารถอยู่เฉยได้เมื่อเห็นใครต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงตกลงรับข้อเสนอแปลกประหลาดของแฮยองที่ต้องการให้เขามาเป็นเจ้าบ่าวของเธอ ซีรีส์เรื่องนี้ยังเสริมทัพด้วยนักแสดงอย่าง อีซังอี รับบทเป็น “บกกยูฮยอน” ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลแชโบลและเป็นซีอีโอของบริษัทที่แฮยองทำงานอยู่ พร้อมด้วย ฮันจีฮยอน ที่รับบทเป็น “นัมจายอน” นักเขียนนิยายออนไลน์เรท R ยอดนิยม ซึ่งเป็นทั้งรูมเมทและเพื่อนสนิทที่เหมือนคนในครอบครัวของแฮยอง
9. Betty La Fea, The Story Continues (ซีรีส์, โคลอมเบีย, สิงหาคม 2567)

Betty La Fea, The Story Continues เป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ยังคงดึงดูดผู้ชมทั่วโลกด้วยเรื่องราวที่เฉลิมฉลองพลังของผู้หญิง เมื่อผู้ชมได้พบกับตัวละครเบ็ตตี้ครั้งแรกเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ความหมายและการรับรู้เกี่ยวกับความงามถูกท้าทาย ‘เบ็ตตี้’ ในเวอร์ชั่นใหม่กลับมาพร้อมกับบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าที่ทั้งสนุกสนานและสร้างแรงบันดาลใจ พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าตัวละครตัวนี้และประสบการณ์ของเธอสะท้อนถึงหัวใจของผู้ชมอย่างลึกซึ้ง
เกิดอะไรขึ้นหลังจากประโยคที่ว่า “…และพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”? สองปีหลังจากที่เบ็ตตี้ออกจาก Ecomoda เธอยังคงแต่งงานกับอาร์มันโด แต่ก็จวนเจียนจะหย่าร้าง เบ็ตตี้พยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกสาววัยรุ่นของเธอ และได้แต่สงสัยว่าเธอมีความสุขกับเส้นทางที่เธอเลือกหรือไม่ โรเบอร์โต พ่อของอาร์มันโดและเป็นผู้ก่อตั้ง Ecomoda ได้เสียชีวิตลง และความปรารถนาก่อนตายของเขาคือให้เบ็ตตี้กลับมาที่บริษัท เบ็ตตี้จะต้องสานความสัมพันธ์กับลูกสาว เข้ารับตำแหน่งประธานของ Ecomoda และตัดสินใจว่าจะคืนดีกับอาร์มันโดหรือไม่ ขณะที่เขาเองก็มุ่งมั่นที่จะทำให้เธอกลับมารักให้ได้ เบ็ตตี้จะได้กลับมารวมกลุ่มกับแก๊งขาเม้า Cuartel de las Feas อย่าง ฮิวโก้ ลอมบาร์ดี ผู้จองหอง และปาตริเซีย นักขุดทองเจ้าเสน่ห์ ซึ่งแต่ละคนต่างก็เผชิญการเปลี่ยนแปลงและต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
10. Like A Dragon: Yakuza (ซีรีส์,ญี่ปุ่น, ตุลาคม 2567)

ซีรีส์แอ็กชั่นญี่ปุ่นที่จะพาดำดิ่งสู่โลกใต้ดินอันมืดมิดของเหล่ายากูซ่าพบกับเรื่องราวของ “ครอบครัว” ที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นผ่านสายเลือด แต่ยังรวมถึงสายสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ายากูซ่ากับลูกน้อง เด็กกำพร้ากับผู้ดูแล และอาจารย์กับศิษย์ สายสัมพันธ์ที่พัวพันซับซ้อน เต็มไปด้วยความรักอันลึกซึ้งและความบาดหมาง โดยมีฉากหลังเป็นเมืองสมมติชื่อ Kamurocho และดำเนินเรื่องผ่านสองช่วงเวลาที่ตัดกันคือปี 1995 และ 2005 ในปี 1995 คิริวและเพื่อนๆ ของเขา นิชิกิ ยูมิ และมิโฮ ต้องการหนีจากชีวิตที่เต็มไปด้วยขีดจำกัด จึงวางแผนปล้นร้านเกมในศูนย์เกมท้องถิ่นซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลโดจิมะ แก๊งยากูซ่าที่มีอำนาจปกครอง Kamurocho พวกเขาจึงถูกลากเข้าสู่โลกใต้ดินของยากูซ่าแห่ง Kamurocho ในปี 1995
ในขณะเดียวกัน ในปี 2005 คิริวกำลังจะได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก เขาได้รับทราบจากนักสืบดาเตะว่าเพื่อนของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย จึงตัดสินใจกลับไปที่คาบูโรโชเพื่อปกป้องพวกเขา แต่แล้วมิตรภาพของพวกเขาก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อความตึงเครียดระหว่างตระกูลโทโจและพันธมิตรโอมีกำลังถึงจุดเดือด นี่คือเรื่องราวอันน่าติดตามของพันธะแห่งครอบครัว ท่ามกลางฉากแอ็กชั่นเข้มข้นดุเดือด ถ่ายทอดโดยนักแสดงระดับแนวหน้า
**จัดอันดับจากจำนวนผู้ชมนอกประเทศผู้ผลิตในช่วง 4 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว โดยจัดอันดับเฉพาะเนื้อหาที่เปิดตัวในปี 2567
Prime Video จะยังคงลงทุนในรายการต่างประเทศคุณภาพสูงและหลากหลายที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ โดย 7 ใน 10 ของเนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศยอดนิยมจะกลับมาในรูปแบบของซีซั่นใหม่และภาคต่อ รวมถึงในรูปแบบผลงานดัดแปลง ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป สมาชิกจะได้พบกับภาพยนตร์ยอดนิยมของแฟนๆ อย่าง Culpa Nuestra และภาพยนตร์ภาคแรกซึ่งดัดแปลงในเวอร์ชั่นของสหราชอาณาจักรอย่าง My Fault: London รวมถึงผลงานที่สร้างจากหนังสือภาคแรกจากนิยายไตรภาค Dímelo ของนักเขียน Mercedes Ron ที่มีชื่อว่า Tell Me Softly ในภาษาอังกฤษ และภาคต่อของ Apocalypse Z
นอกจากนี้ยังมีผลงานที่จะกลับมาพร้อมกับซีซั่นใหม่ ได้แก่ Maxton Hall: The World Between Us, Red Queen และ Betty La Fea, The Story Continues พร้อมด้วยเนื้อหาต่างประเทศใหม่ๆ อย่าง Newtopia (เกาหลีใต้), Superboys of Malegaon (อินเดีย), Unburied (เม็กซิโก), Graduation Trip: Mallorca (สเปน) และ Costiera (อิตาลี) ภาพยนตร์และซีรีส์ทั้งหมดนี้พร้อมให้บริการแก่สมาชิกใน 240 ประเทศและเขตแดนทั่วโลก โดยมีตัวเลือกคำบรรยายถึง 34 ภาษาและเสียงพากย์ 18 ภาษา
เนื้อหาออริจินัลภาษาต่างประเทศ ที่จะเปิดตัวในปี 2568
- Newtopia (เกาหลี, 7 กุมภาพันธ์)
- My Fault: London (สหราชอาณาจักร, 13 กุมภาพันธ์)
- Broken Rage (ญี่ปุ่น, 14 กุมภาพันธ์)
- Carjackers (ฝรั่งเศส)
- Dímelo Bajito (‘Tell Me Softly’) (สเปน)
- Graduation Trip: Mallorca (สเปน)
- Superboys of Malegaon (อินเดีย)
- Tremembé (บราซิล)
- FACEOFF: Inside the NHL ซีซั่น 2 (แคนาดา)