จากกรณีนายกานต์พล หรือ ป๋าเบียร์ จำเลยที่ 2 กรรมการบริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด และ น.ส.กรกนก หรื อแม่ตั๊ก จำเลยที่ 3 สองสามีภรรยา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อทย.582/2567 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น ๆ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต” ผู้ต้องหาในคดีหลอกขายทองคำ ภายหลังศาลอาญาอนุญาตให้ประกัน โดยวางหลักประกันเป็นเงินสด จำนวน 2 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง นางสาวกรกนก หรือแม่ตั๊ก จำเลยที่ 3 เดินทางออกจากทัณฑสถานหญิงกลาง หลังศาลอาญา มีคำสั่งพิจารณาประกันตัว พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยที่ 2 และที่ 3 นำข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ออกสื่อสังคมออนไลน์และทุกช่องทางการสื่อสาร ห้ามมิให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำการใดๆ ที่จะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การดำเนินคดีในศาล และเพื่อป้องกันไม่ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 หลบหนี จึงให้ติดอุปกรณ์กำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ติดตามตัว และนำหนังสือเดินทางประเทศที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล หากผิดเงื่อนไขศาลจะพิจารณาเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และห้ามจำเลยที่ 2 และที่ 3 เดินทางออกนอกประเทศ โดยให้แจ้งคำสั่งกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบโดยเร็ว โดยมีคนในครอบครัวของ นางสาวกรกนก หรือแม่ตั๊ก มาเตรียมพร้อมนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้กับ นางสาวกรกนก และไม่ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน

โดย นางสาวกรกนก หรือแม่ตั๊กได้ตัดผมสั้นประบ่า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวหมวกแก๊ปสีดำ กล่าวสั้น ๆ พร้อมกับยกมือไหว้ ว่า ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่มารอ ขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา ตอนนี้ขออนุญาตกลับบ้านก่อน 

เมื่อถามต่อว่าหลังจากนี้จะกลับไปไลฟ์สดขายทองอีกหรือไม่ แม่ตั๊กก็ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่จะนำกระจกขึ้น แล้วรถก็ขับผ่านออกไปทันที

ต่อมาเวลา 21.00 น.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายกานต์พล หรือ ป๋าเบียร์ ตัดทรงผมสกินเฮด พร้อมกับใส่เสื้อแจ็กเก็ตสีดำกางเกงขาสั้นสีดำ เดินทางออกมาจากเรือนจำ ก่อนที่จะเปิดเผยสั้น ๆ ว่า ตอนนี้คิดถึงลูกมาก ขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา ตอนนี้ขอกลับบ้านก่อน ทั้งนี้ยังพบว่าภายในรถตู้ ที่ญาติขับมารับนั้น มีเมียหรั่ง คนสนิทของทั้งคู่ได้มารับด้วย

ด้านนายรัฐวิชญ์ อริยพัชญ์พล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงหลักการที่เกี่ยวกับการพิจารณาสั่งประกันว่า โดยหลักแล้วสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 วรรคสอง รับรองสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาไว้ว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้” ซึ่งหลักการนี้ก็ปรากฏอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา มาตรา 107 ที่บัญญัติรับรองไว้อย่างชัดแจ้งว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนพึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เว้นแต่กรณีใดที่มีข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยของสังคมหรือความต่อเนื่องของการดำเนินคดี กฎหมายจึงจะเปิดช่องให้มีการคุมขังระหว่างพิจารณาไว้อย่างจำกัด

นอกจากนี้ การสั่งปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลยุติธรรมในปัจจุบันยังให้ความสำคัญกับการนำมาตรการทางเลือกมาใช้แทนการนำเงินสดหรือหลักประกันมาวางศาล เช่น มาตรการตั้งผู้กำกับดูแล หรือการนำกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว “EM” (Electronic Monitoring) มาใช้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ต้องหาหรือจำเลยที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน ให้สามารถเข้าถึงสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน อันเป็นมาตรการตามนโยบายของประธานศาลฎีกาที่มุ่งสร้างสมดุลและอำนวยความยุติธรรมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและความมั่นคงปลอดภัยของสังคมไปพร้อมกัน.