เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 68 ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงวาระการประชุมของวิปฝ่ายค้าน ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ โดยวันที่ 5 ก.พ. นี้ จะมีกฎหมายที่กรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้วกลับเข้ามาสู่สภาหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ และยังมีอีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน และ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่จะกลับเข้ามาพิจารณาในวาระ 2 และ 3 และจะมีกระทู้ถามสด ซึ่งในวันนี้จะมีการคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะอาจมีพรรคร่วมอื่นจะขอใช้โควตา จะเป็นพรรคประชาชน 1 กระทู้ และพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก 1 กระทู้  

เมื่อถามถึง การเตรียมความพร้อม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเห็นว่าจะมีการนัดดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้านในวันที่ 7 ก.พ. นี้ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เนื้อหาสำคัญ คงจะไม่ใช่แค่การดินเนอร์ เพราะครั้งที่แล้วจัดเป็นการทานอาหารเย็น เพราะอยากมาพบปะกันเป็นครั้งแรก อย่างที่บอกไปหลายครั้ง ว่าการร่วมงานกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็มีความแตกต่างจากพรรคร่วมรัฐบาลพอสมควร  เพราะไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันในทุกเรื่อง บางเรื่องเห็นต่างได้ แต่ก็อยากให้ทำงานตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นเหมือนกัน ดังนั้นจุดประสงค์หลักในการเจอกันของฝ่ายค้าน ในวันที่ 7 ก.พ. นี้ คือการพูดคุยกันก่อน ขอเรียกว่าเป็นการนัดประชุมดีกว่า ซึ่งจะจัดที่พรรคไทยสร้างไทย เป็นการนัดประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อคุยเรื่องเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน หลังจากประชุมและแถลงข่าวก็จะร่วมรับประทานอาหารเย็น  

เมื่อถามว่า มีการเคาะให้ตกผลึกประเด็นแล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปขนาดนั้น ต้องมีการเจรจากับประธานวิปรัฐบาล และประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ว่าจะมีเวลามากน้อยแค่ไหน เพราะเวลาที่มีจะมีความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนคนและจำนวนประเด็นในการอภิปราย  

เมื่อถามถึง กรอบระยะเวลาอภิปรายที่วางไว้ในช่วงเดือน มี.ค. นั้น ได้คุยกับทางวิปรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ได้คุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ก็ไม่มีปัญหาอะไรในช่วงเดือน มี.ค. นี้ แต่จะเป็นสัปดาห์ไหนต้องมาคุยกันอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้ติดอะไร ซึ่งยังไม่ได้คุยในประเด็นอย่างเป็นทางการ   

เมื่อถามว่า กรณีข้อมูลที่เคยอภิปรายรั่วไหลนั้น สามารถจัดการได้หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจปัญหาจะน้อยกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องส่งไฟล์การนำเสนอให้ประธานตรวจสอบล่วงหน้าก่อน การจะไปแอบดึงไฟล์จากเจ้าหน้าที่ก็จะเป็นไปไม่ได้  

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า จะไม่มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายปรกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มั่นใจ หากเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ตามมาตรา 151 ที่ผ่านมา ตนคิดว่าไม่เคยมีปัญหานี้ ส่วนครั้งที่แล้วการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เชื่อว่าคงไม่ใช่พรรคร่วมฝ่ายค้านเอาไปแจ้ง แต่มีคนพยายามไปหาข้อมูลจากเจ้าหน้าที่มากกว่า    

เมื่อถามว่า จะเห็นการอภิปรายที่โยงไปถึง “ผู้นำจิตวิญญาณ” ของรัฐบาลหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล เป็นเรื่องพฤติการณ์ที่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อผู้ใด ถ้าเป็นการกระทำของรัฐบาล ที่ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ก็จะไม่มีข้อยกเว้น และจะเป็นการอภิปรายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาชนก็กระจายทุกเรื่อง ไม่ได้เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หากเห็นว่ารัฐบาลบกพร่อง ก็จะมีการพิจารณานำมาอภิปราย

เมื่อถามว่า จะมีปฏิบัติการโรยเกลือ ไปยื่นองค์กรอิสระหลังการอภิปรายหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็มีการพูดคุยกัน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่ ส่วนที่บอกว่านายกรัฐมนตรี เพิ่งจะมาดำรงตำแหน่งจะมีเรื่องให้ซักฟอกแล้วหรือไม่ ตนมองว่า พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาแล้วเกือบ 2 ปี  ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่รัฐมนตรีหลายคน ก็นั่งอยู่ในตำแหน่งมาเกิน 1 ปีแล้ว และคิดว่านายกรัฐมนตรี 2 คน ของพรรคเพื่อไทย น่าจะมีนโยบายเหมือนกัน คงไม่ใช่ต่างคนต่างคิด.