“แตงโม” ผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำกว่าผลไม้ชนิดอื่น แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นวิตามินและแร่ธาตุ

แตงโม 154 กรัม จะมีวิตามินซี 21% วิตามินเอ 18% โพแทสเซียม 5% แมกนีเซียม 4% และวิตามินบี 1 บี 5 บี 6 3%

วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ผิวหนังสวย สายตาแข็งแรง

ทำความสะอาดไต

แตงโมยังช่วยทำความสะอาดไตจากสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายจากปัจจัยต่างๆ จึงเป็นผลไม้ที่จำเป็นต้องกินเพื่อให้ไตแข็งแรง

ป้องกันมะเร็ง

นักวิจัยเผยไลโคปีนในแตงโมช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยการปิดกั้นอินซูลินไลค์โกรทแฟกเตอร์ (IGF) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งเซลล์ ระดับ IGF ที่สูงพบว่าเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง

ช่วยให้ผิวดี

แตงโมไม่เพียงแต่ดีต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังดีต่อสุขภาพผิวพรรณอีกด้วยทำให้ผิวนุ่ม สุขภาพดี

แตงโมยังมีวิตามินซีสูงอีกด้วย ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และป้องกันการแก่ก่อนวัย

นอกจากนี้แตงโมยังมีวิตามิน A และ B6 ช่วยให้ผิวนุ่มเนียนและยืดหยุ่น โดยเฉพาะวิตามินเอช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ป้องกันผิวแห้งเป็นขุย ส่วนวิตามินบี 6 ช่วยรักษาสิว

ช่วยให้ระบบย่อยอาหารแข็งแรง

แตงโมมีปริมาณน้ำสูง และมีเส้นใยอาหาร ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างสม่ำเสมอ ป้องกันอาการท้องผูก

ปรับปรุงอารมณ์

แตงโมอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์ ระดับเซโรโทนินที่เพียงพอในสมองจะช่วยส่งเสริมความรู้สึกมีความสุข ช่วยลดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลได้

เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ

ปริมาณไลโคปีนที่สูงในแตงโมมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ผลไม้ชนิดนี้ยังมีซิทรูลลีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนสำคัญที่สามารถกระตุ้นการผลิตไนตริกออกไซด์ ช่วยควบคุมความดันโลหิต และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

นอกจากนี้ จากการศึกษาทางการแพทย์ในปี 2012 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Hypertension พบว่า L-citrulline และ L-arginine ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ 2 ชนิดในแตงโม สามารถช่วยให้หลอดเลือดแดงทำงานได้ดีขึ้น

ป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา

ไลโคปีนพบได้ในบางส่วนของดวงตา ซึ่งช่วยป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อมตามวัย (AMD) นี่เป็นปัญหาทางสายตาที่พบบ่อย ซึ่งอาจทำให้ผู้สูงอายุตาบอดได้

สารไลโคปีนในแตงโมมีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา อาจช่วยป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อมตามวัยได้ นอกจากนี้แตงโมยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินจำเป็นที่ช่วยให้ดวงตาของคุณแข็งแรงอีกด้วย

เพิ่มน้ำในร่างกาย

การขาดน้ำอาจส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น สมองมึนงง และมีสมาธิสั้น แตงโมมีปริมาณน้ำสูงถึงประมาณ 92% จึงช่วยรักษาปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการ

ป้องกันอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

ผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยอิเล็กโทรไลต์ และกรดอะมิโนซิทรูลลีน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายหนักๆ จากการศึกษาวิจัยของอิหร่าน พบว่าซิทรูลลีนในแตงโมอาจช่วยลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อได้

นอกจากนี้ ปริมาณโพแทสเซียมในแตงโมยังมีความจำเป็นต่อการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ โพแทสเซียม ยังช่วยควบคุมการขยายตัวของหลอดเลือด ป้องกันตะคริวกล้ามเนื้อ และลดความดันโลหิต

ปกป้องร่างกายจากรังสี UV

แตงโมอุดมไปด้วยไลโคปีน ซึ่งเป็นเม็ดสีแคโรทีนอยด์ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลัง ไลโคปีนช่วยปกป้องผิวของคุณจากรังสียูวี แสงแดดเผา และมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นจึงควรเพิ่มแตงโมเข้าไปในอาหารประจำวัน

ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร

เมล็ดแตงโมคั่วบด เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีคุณสมบัติโพแทสเซียมสูง

แก้ปวดหลัง

นอกจากนี้ เราสามารถรักษาอาการปวดหลังได้โดยการแช่เมล็ดแตงโม (ปอกเปลือก) ในแอลกอฮอล์เป็นเวลา 10 วัน จากนั้นทำให้แห้ง บดเป็นผงแล้วดื่มวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 12 กรัม.

ที่มาและภาพ : Soha