นายทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์  จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์รวมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มียอดขายลดลงต่อเนื่อง โดยปี 25 67 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 572,675 คัน ลดลงจากปีก่อน 26.18% ขณะที่อีซูซุมียอดขายรวมอยู่ที่ 61,580 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 37.7% โดยยอดขายที่ลดลง เนื่องจากความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ  ปัญหาหนี้เสียที่ปรับสูงขึ้น  หนี้ครัวเรือนสูง การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่มีล่าช้า โครงการก่อสร้างชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อรถเพื่อการพาณิชย์โดยตรง

“จากยอดขายของอีซูซุ สามารถแยกเป็นรถอเนกประสงค์ (พีพีวี)  อีซูซุ ยังครองแชมป์ร่วมกับโตโยต้า โดยมียอดขายอยู่ที่ 13,014 คัน มีส่วนแบ่งการการตลาด 35.3% ส่วนรถบรรทุกขนาดกลางหรือ อีซูซุ คิง ออฟ ทรัค มียอดขายรวม 10,988 คัน คิดเป็นสัดส่วน 60.6% ครองอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่  51 ติดต่อกัน  และในปีที่ผ่านมา อีซูซุได้เปิดตัว กระบะ อีซูซุ ดี-แมคซ์  ซีรี่ย์ และรถอเนกประสงค์อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ใหม่  นอกจากนี้การที่ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ช่วยกระตุ้นตลาดได้ในระดับหนึ่ง”

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยานยนต์ หลายค่ายได้มีความเห็นคล้ายกันว่า ปีนี้สถานการณ์ตลาดยานยนต์ยังทรงตัวต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ด้วยปัจจัยลบ คือสถาบันการเงินปล่อยกู้เข้มงวด เศรษฐกิจทรงตัว แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้น แต่เป็นเพียงการช่วยจับจ่ายใช่สอยในชีวิตประจำวันเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเรื่องหนี้ให้ลดลง  หรือทำให้สามารถซื้อของชิ้นใหญ่ได้ ดังนั้นต้องดูครึ่งปีหลังว่าจะมีสัญญาณอะไรต่อไปที่ทำให้ตลาดฟื้นตัว.