นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 ได้มีการพิจารณาผลดำเนินการและมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ 6 เรื่องสำคัญ ที่มีผลการดำเนินงาน ถึง 31 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยสรุปได้ดังนี้
1. การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ เดือนมกราคม 2568 (ข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ)
– การจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทุกประเภท ม.ค. 68 มีจำนวน 2,590 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.81 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 2,495 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม-มีนาคม 2567
– การจับกุมคดีพนันออนไลน์ ม.ค. 68 มีจำนวน 1,083 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.78 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 1,064 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม-มีนาคม 2567
– การจับกุมคดีบัญชีม้า ซิมม้า และความผิดตาม พ.ร.ก.ฯ ม.ค. 68 มีจำนวน 195 ราย ลดลงร้อยละ 18.75 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 240 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม-มีนาคม 2567

2. การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมาย และเว็บพนัน
กระทรวงดีอี ปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ/URLs ที่ไม่เหมาะสม (ปีงบประมาณ 68 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 67–31 ม.ค. 68 ระยะเวลา 4 เดือน)
– การปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ จำนวน 27,134 (URLs) หลอกลวงออนไลน์ 1,007 (URLs) เว็บไซต์ผิดกฎหมายอื่นๆ จำนวน 22,678 (URLs) รวมปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมายแล้ว จำนวน 50,819 (URLs)
– การประสานแพลตฟอร์มเพื่อขอปิดกั้น เกี่ยวกับหลอกลวงออนไลน์ มีคำสั่งศาล จำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 6,128 (URLs) ไม่มีคำสั่งศาล จำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 17,689 (URLs) (เฉพาะในส่วนของกระทรวงดีอี)
3. การแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงิน
ผลการดำเนินงานที่สำคัญตั้งแต่ 1 พ.ย. 66-31 ม.ค. 68 มีดังนี้
– ระงับบัญชีต้องสงสัย รวมเป็นจำนวนกว่า 1,572,317 บัญชี (AOC จำนวน 317,317 บัญชี ธนาคาร จำนวน 1,255,000 บัญชี)
– ปปง. ทำการอายัดบัญชีไปแล้วกว่า 694,376 บัญชี (ณ วันที่ 11 ก.พ. 68 โดยจำนวนดังกล่าว เป็นจำนวนบัญชีที่ ปปง.อายัด รวมกับบัญชีต้องสงสัยที่ AOC ส่งให้ ปปง.ตรวจสอบและทำการอายัดบัญชี)

4.การแก้ไขปัญหาซิมม้า และ ซิมม้าที่ผูกกับ Mobile banking
ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง 31 ม.ค. 68 มีดังนี้
– การกวาดล้างซิมม้าและซิมต้องสงสัย โดย สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผลการดำเนินงาน มีดังนี้
(1) กลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ด 101 เลขหมายขึ้นไป โดยมีเลขหมายที่เข้าข่าย 5,078,283 เลขหมาย มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 4,246,142 เลขหมาย จำนวนที่ถูกระงับ 832,141 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ก.พ. 68)
(2) กลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย ซึ่งมีเลขหมายที่เข้าข่าย 3,981,251 เลขหมาย มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว 2,385,311 เลขหมาย จำนวนที่ถูกระงับ 1,595,940 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ก.พ. 68)
– มาตรการยกระดับความปลอดภัย Mobile Banking ชื่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือตรงกับชื่อเปิดบัญชีธนาคาร เริ่มให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้าข่าย จำนวน 3,238,971 ราย ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 68 มีกำหนดภายใน 90 วัน จนถึงภายในวันที่ 30 เม.ย. 68 โดยธนาคารแจ้งเตือนผู้ที่เข้าข่ายยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารแล้ว จำนวน 1,836,636 ราย เหลืออีกจำนวน 1,402,335 ราย
5. การดำเนินการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ตามมาตรการ ตัดไฟ สัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในพื้นที่ 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่ จ.ตาก จ.กาญจนบุรี และจ.เชียงราย กระทรวงดีอี กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ปฏิบัติการตามมาตรการระงับเสาสัญญาณโทรศัพท์ในการแก้ไขเสาสัญญาณฯ ให้เป็นไปตามมาตรการฯ ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 24 ต้น อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จำนวน 8 ต้น อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวน 10 ต้น การปฏิบัติการตามมาตรการระงับสายอินเทอร์เน็ต พบการเชื่อมต่ออุปกรณ์แปลงสัญญาณเป็น Fiber optic จากบ้านหลังหนึ่งข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จำนวน 1 กรณี พบการลักลอบสาย fiber optic อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 4 เส้น อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวน 1 เส้น

6. มาตรการส่งดี (Dee-Delivery) การให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD)
จากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ภายหลังจากการดำเนินมาตรการฯ ของผู้ให้บริการขนส่งจำนวน 9 ราย พบว่า มาตรการดังกล่าวได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น โดยมีการส่งสินค้าเก็บเงินปลายทางเพิ่มมากขึ้น มีการเปิดตรวจสอบสินค้าก่อนชำระเงินเพิ่มขึ้น ในส่วนของการขอคืนสินค้า และขอคืนเงินพบว่ามีจำนวนลดลง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี ได้รับมอบหมายให้ติดตามผลการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์เป็นรายสัปดาห์ เพื่อรายงานให้นายกรัฐมนตรี รับทราบความเคลื่อนไหว โดยภาพรวม กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ บัญชีม้าและซิมม้า และเร่งการอายัดบัญชีธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน การปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวงผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ โดยในส่วนของการระงับบัญชีม้าที่มีตัวเลขลดลงนั้น เป็นผลมาจากการปลดล็อกบัญชีธนาคารที่มีการตรวจสอบแล้วว่าไม่เข้าข่ายเป็นบัญชีม้า
“นอกจากนี้ คกก. ยังได้เสนอการแก้ไข พ.ร.ก.อาชญากรรมออนไลน์ ใหม่ เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพ สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ ร่าง พ.ร.ก. อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่อมีการพิจารณาแล้วเสร็จ จะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ. 68 นี้ โดยหวังว่าการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการป้องกันและปราบปรามภัยออนไลน์ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจากคดีออนไลน์ลดลงโดยเร็ว ช่วยลดความเดือดร้อนให้กับประชาชน” นายประเสริฐ กล่าว