นายมาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ฯ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี โดยยอดขายเมอร์เซเดส-เบนซ์ลดลงจาก 12,000 คัน มาอยู่ที่ 9,189 คัน เทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นตัวเลขต่ำกว่า 10,000 คันครั้งแรกในรอบ 3 ปี ทั้งนี้เป็นไปตามสถานการณ์ของตลาดที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ไฟแนนซ์เข้มงวดการให้สินเชื่อ รวมทั้งการแข่งขันราคาของรถกลุ่มพรีเมียมระดับ 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นรถรุ่นเล็กของเบนซ์ถูกกระทบค่อนข้างมาก

“อย่างไรก็ตาม รถในกลุ่มลักชัวรีอย่าง ซี-คลาส และ อี-คลาส กลับเติบโตถึง 8% ส่วนรถระดับท็อปเช่น เอเอ็มจี, มายบัค และเอส-คลาส เติบโต 2% ซึ่งจะมาทดแทนรุ่นเล็กได้บ้าง ส่วนจะกลับมาเพิ่มขึ้นระดับ 10,000 คันต่อปีได้หรือไม่นั้นยังมีโอกาสเพราะตลาดกลุ่มลักชัวรีมีแนวโน้มดี โดยในปีนี้บริษัทเดินหน้าธุรกิจเต็มกำลัง เริ่มต้นด้วยการต่อยอดความสำเร็จของโมเดลล่าสุดอย่าง The new E-Class, CLE Coupé, EQE 300 Sedan, EQS 450 4MATIC SUV และอีกหลากหลายรุ่นจากทุกเซกเมนต์ รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จาก Mercedes-AMG พร้อมกันถึง 3 รุ่น ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2025 จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน”

นายมาร์ทิน กล่าวอีกว่า แม้การแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี แต่เรายังคงสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง และเดินหน้าพัฒนาแบรนด์ต่อเนื่องพร้อมก้าวเข้าสู่ปี 2568 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ที่จะยกระดับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ การขับเคลื่อนผลประกอบการทางธุรกิจ และการขยายไลน์อัพรถยนต์ให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ควบคู่ไปกับสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านกิจกรรมสุดพิเศษที่จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในทุกมิติ

“นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่บริษัทจัดแคมเปญพิเศษเพื่อผลักดันตลาดอีวีด้วย “EV Worry-Free Package” ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ด้วยข้อเสนอพิเศษกับค่างวดเริ่มต้น 45,000 บาทต่อเดือน ในรุ่น EQE 350 4MATIC SUV Electric Art ส่วนรุ่นเอเอ็มจีค่างวดเริ่มต้น 55,000 บาท โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนแรกและก้อนสุดท้ายนาน 5 ปี เป็นการต่อยอดโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future”

สำหรับโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” ที่ดำเนินงานมาครบ 1 ปียังคงสะท้อนความโดดเด่นในเรื่องของราคาจำหน่ายที่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ ความโปร่งใสในขั้นตอนการซื้อรถ และการยกระดับประสบการณ์ในทุกมิติสำหรับลูกค้าทุกคน รวมถึงการนำแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) เป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาและออกแบบศูนย์บริการมาปรับใช้ในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งในด้านการยกระดับช่องทางการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาบุคลากร และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้
“ในปีที่ผ่านมา มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ กว่า 50% ที่เริ่มดำเนินงานภายใต้แนวคิด MAR20X และในปีนี้จะขยายสู่ 60% จนไปถึงในปี 2570 ที่จะขยายให้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของจำนวนตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั้งหมดในประเทศไทย

นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการฝ่ายบริการลูกค้า กล่าวว่าปีที่ผ่านมามีเครือข่ายศูนย์บริการรวม 41 แห่ง และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคกว่า 26 แห่ง ในส่วนของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยแพ็กเกจ MBSP มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 12% พร้อมกับการเปิดตัวแพ็กเกจ MBSP Extra Guarantee Lite ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์จาก MBTires มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 84% และบริการ Digital Extras บนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Store มียอดขายเพิ่มขึ้น 86% นอกจากนี้ เรายังจัดแคมเปญต่าง ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ Welcome Back Stars สำหรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 และการร่วมมือกับแบรนด์มิชลิน

ทางด้านฝ่ายบริการลูกค้าที่พัฒนาและนำเสนอบริการหลังการขายแก่ลูกค้าในทุกมิติ โดยมีแผนที่จะเปิดตัว Service Select Loyalty Program สำหรับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลรถยนต์ทั้งในด้านการบำรุงรักษาและข้อเสนอพิเศษสำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ ยกระดับประสบการณ์ด้านดิจิทัล อีกทั้งกิจกรรม Nationwide Service Clinics ที่จะจัดร่วมกับทีม Flying Doctor จากประเทศเยอรมนี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อดูแลรักษารถยนต์ที่เป็นมาตรฐานระดับโลก

นายมาร์ทิน กล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทยังจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มด้วยกิจกรรมที่จัดร่วมกับคอมมูนิตี้อย่างเป็นทางการอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ คลับ (ประเทศไทย) ในการรวมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ คลาสสิก ในตำนานไว้มากกว่า 10 คัน มาขับขี่กันใน Road Trip สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ประจำปีอย่าง Mercedes-Benz Driving Events และ SUV Driving Events รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง โดยมีทั้งการขับขี่ในบนถนนและบนสนามแข่ง รวมถึงการกลับมาในรอบ 5 ปี ของ “MercedesTrophy” รายการการแข่งขันกอล์ฟ ที่มีนักกอล์ฟผู้ร่วมแข่งขันมากกว่า 1,000 คน จาก 7 รอบการแข่งขัน โดยทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน