เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายศิวกร หรือ โน๊ต และนายเข้ ออกจำลองเหตุการณ์การก่อเหตุฆ่า 3 ศพพ่อแม่ลูก นายโน๊ตได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มทะเลาะกันไปจนถึงการอำพรางศพใส่รถกระบะพร้อมกับกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “รู้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันคือสิ่งที่ไม่ควรทำ รับปมสังหารเพียงเงินแสนห้าเรื่องเดียว ไม่ได้ตั้งใจทำเด็ก” ส่วนนายเข้เข่าอ่อน ไม่คิดจะมาเป็นผู้ต้องหาร่วม ไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าแจ้งความเพราะความกลัว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายมาสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมทนายและญาติ
นายโน๊ตจำลองเหตุการณ์ตั้งแต่นั่งรถมากับครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยนายใหม่เป็นคนขับรถมีลูกและภรรยานั่งมาด้วยด้านหน้า ส่วนตนนั่งมาเบาะหลัง เมื่อรถมาถึงจุดเกิดเหตุเริ่มมีปากเสียงกันเรื่องเงิน ตนจึงเปิดลิ้นชักตรงกลางระหว่างที่นั่งคนขับพร้อมหยิบปืนออกมา จากนั้นจึงลงจากรถมาพูดคุยตกลงเรื่องเงินบริเวณหน้ารถ เมื่อตกลงกันไม่ได้ตนจึงยกปืนพร้อมขึ้นลำทำท่าจ่อยิงนายใหม่แต่เกิดการแย่งปืนกันขึ้นทำให้ปืนลั่นไปถูกศีรษะนายใหม่แต่ยังไม่เสียชีวิต

นายโน๊ตจึงมาเรียกภรรยานายใหม่ให้ลงมาช่วยยกตัวนายใหม่แต่เมื่อลากมาถึงประตูหลังยกขึ้นไม่ไหวจึงโทรศัพท์เรียกนายเข้มาช่วยยก ก่อนจะไล่ให้นายเข้กลับบ้านไปและแยกย้ายกัน นายโน๊ตจึงเอาปืนจี้บังคับให้ภรรยาและลูกนายใหม่ขึ้นมาบนรถ จากนั้นจึงมีปากเสียงและยื้อแย่งปืนกันปรากฏว่าปืนลั่นไปถูกศีรษะลูกชายที่นั่งบนตักแม่เสียชีวิตคาที่ จากนั้นผู้เป็นแม่ได้โวยวายด้วยความโมโห นายโน๊ตจึงตัดสินใจยิงผู้เป็นแม่เสียชีวิตเป็นรายสุดท้ายก่อนจะขับรถนำศพมาทิ้งบริเวณบ้านร้าง

หลังจากนั้น 5 วันได้ไปซื้อผ้าคลุมมาคลุมรถไว้เพื่ออำพราง จนมีผู้มาพบเห็นและความจริงถูกเปิดเผยดังกล่าว นายเข้กล่าวขอโทษแม้ไม่ได้ลงมือฆ่า แต่เวลานั้นทั้งตกใจทั้งกลัว ซึ่งตอนนั้นนายเข้ยืนหน้าซีดเข่าอ่อนระหว่างรอนายโน๊ตจำลองเหตุการณ์อยู่บนโรงพัก โดยเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า “ถ้าถามว่าตนรู้สึกผิดมั้ย ตนก็รู้สึกผิด ไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นผู้ต้องหาร่วมกันแบบนี้ ตอนนายโน๊ตโทรฯ ชวนปฏิเสธแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ให้ไป เมียไม่ให้ไป แต่ก็ตามให้ตนออกไปช่วยพี่แป๊บเดียวจึงออกไป พอเจอเหตุการณ์ตรงนั้นมันกลัวจนหนีไปไหนไม่ได้แล้ว มันต้องเอาตัวรอดแล้ว เมื่อช่วยนายโน๊ตเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้าย”