สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ว่า กองทัพปลดปล่อยโอโรโม ( โอแอลเอ ) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ “แนวร่วมปลดปล่อยชาวทิเกรย์” ( ทีพีแอลเอฟ ) ที่มีอิทธิพลยาวนานหลายทศวรรษ ในภูมิภาคทิเกรย์ ทางเหนือของเอธิโอเปีย ประกาศเป้าหมายโค่นอำนาจรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี โดยหากทิศทางของสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ กรุงแอดดิสอาบาบาอาจถูกตีแตก “ภายในเวลาอีกไม่นาน”


ขณะที่ทีพีแอลเอฟยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการยึดกรุงแอดดิสอาบาบา แต่ยืนยันการร่วมมือกับโอแอลเอ ในการกระชับพื้นที่เมืองเคมิสซี หนึ่งในเมืองใหญ่ของภูมิภาคอัมฮารา ห่างจากกรุงแอดดิสอาบา ประมาณ 325 กิโลเมตร


ด้านอาบีย์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา โดยนับเป็นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งแรกในรอบนานกว่า 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2561 ที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินนาน 6 เดือน ครอบคลุมช่วงเวลาก่อนและหลังการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอาบีย์

กรุงแอดดิสอาบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย


นอกจากนี้ รัฐบาลเอธิโอเปียขอให้ประชาชนในกรุงแอดดิสอาบาบาขึ้นทะเบียนอาวุธ กับทางการและผู้นำชุมชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการรุกคืบจากทางเหนือของ “กบฏจากทางเหนือ” ในเวลาเดียวกัน ชายฉกรรจ์จำนวนมากลงทะเบียนเป็นทหารกองหนุน ตามการเชิญชวนของรัฐบาล

ภาพของนายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี ( คนซ้าย ) และนายเดเบรตซิออง เกเบรไมเคิล ผู้นำกองกำลังทีพีแอลเอฟ บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์มาเลดา หนึ่งในสื่อใหญ่ของเอธิโอเปีย


ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐส่งนายเจฟฟรีย์ เฟลต์แมน นักการทูตผู้คร่ำหวอดในกิจการตะวันออกกลาง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้แทนพิเศษด้านกิจการแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภูมิภาคจะงอยแอฟริกา เดินทางไปยังเอธิโอเปียแล้ว เพื่อหาทางเจรจากับคู่กรณีทุกฝ่าย


อนึ่ง การสู้รบในภูมิภาคทิเกรย์ ระหว่างทีพีแอลเอฟกับกองทัพเอธิโอเปีย ยืดเยื้อตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 5,000 ราย และเกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมขนานใหญ่ตามมา ซึ่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เตือนว่า การกระทำของทั้งรัฐบาลเอธิโอเปียและทีพีแอลเอฟ เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม”.

เครดิตภาพ : AP, REUTERS