ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2568 “ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช” แพทย์เวชปฏิบัติทางประสาทวิทยา ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านสมองและความผิดปกติทางประสาทวิทยา ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแชร์ประสบการณ์เจอคนไข้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับพลังแห่งโยเกิร์ต กับการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
โดยกล่าวว่า อาจารย์เคยเจอลุงคนหนึ่ง โคตรใช้ชีวิตลำบาก แกบอกว่าใครจะไปรู้ว่า เมื่อแก่ตัวลงจะต้องอึทางถุงหน้าท้อง ใช่แล้วแกเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องตัดลำไส้ออกส่วนหนึ่ง และส่วนที่เหลือก็สั้นเกินไป เลยต้องเอาออกทางหน้าท้อง
colostomy มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง (Colorectal Cancer) เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบมากที่สุดทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่ามะเร็งชนิดนี้คิดเป็นมากกว่า 10% มะเร็งทั้งหมด การจะเป็นมะเร็งลำไส้พฤติกรรมการกินสำคัญสุด อาหารไม่ดี ปิ้งย่างนี่หนักสุด ดื่มสุราก็ด้วย นอกจากนั้นก็สูบบุหรี่ คนก็ถามนะ แล้วมีอาหารดี ๆ อย่างไรป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้บ้าง แน่นอนว่าผักผลไม้คือไฟเบอร์อย่างดี และนอกจากนี้คือโยเกิร์ต
งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Gut Microbes และดำเนินการโดยนักวิจัยจาก Mass General Brigham พบว่าการบริโภคโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิตอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแบคทีเรียชนิด Bifidobacterium ได้ถึง 20% วิทยาศาสตร์เบื้องหลังโยเกิร์ตกับการป้องกันมะเร็ง มันเกี่ยวกับโปรไบโอติกส์และไมโครไบโอมในลำไส้ ไมโครไบโอมในลำไส้ของมนุษย์ประกอบด้วยจุลินทรีย์หลายล้านล้านตัว ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบย่อยอาหาร การเผาผลาญ ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพโดยรวม
นักชีววิทยาเจ้าของรางวัลโนเบล Joshua Lederberg เคยกล่าวไว้ว่า : “ไมโครไบโอมไม่ได้เป็นเพียงผู้อาศัย ที่อยู่ในร่างกายเราเท่านั้น แต่เป็นผู้เล่นที่สำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพของเรา”
โปรไบโอติกส์ (Probiotics) คือแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ซึ่งพบได้ในอาหารหมัก เช่น โยเกิร์ต คีเฟอร์ กิมจิ และมิโซะ จุลินทรีย์เหล่านี้ช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ลดการอักเสบ และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
งานวิจัยดังกล่าวใช้ข้อมูลจาก Nurses’ Health Study และ Health Professionals Follow-up Study ซึ่งติดตามกลุ่มตัวอย่างกว่า 150,000 คน เป็นเวลาหลายสิบปี ผลการศึกษาเผยว่า
– ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิตอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีโอกาสเกิดเนื้องอกในลำไส้ที่เป็นบวกต่อ Bifidobacterium น้อยลง 20%
– โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกส์ช่วยเพิ่มระดับของ Bifidobacterium ซึ่งสามารถผลิต กรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
– Bifidobacterium อาจช่วยเสริมสร้างเยื่อบุลำไส้ ทำให้สารพิษและสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายน้อยลง
Kelsey Costa, MS, RDN นักโภชนาการที่ลงทะเบียนให้ความเห็นว่า : “Bifidobacterium เป็นแบคทีเรียสำคัญที่พบในโยเกิร์ต ซึ่งสามารถผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้”
โยเกิร์ตให้ประโยชน์ด้านสุขภาพอะไรอีกบ้าง?
นอกจากศักยภาพในการลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิตยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ เช่น
1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โปรไบโอติกส์ช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อ
2. ช่วยย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้และลดอาการของโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
3. บำรุงกระดูกและฟัน อุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินดี ซึ่งช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
4. ลดความเสี่ยงของโรคเมตาบอลิก
งานวิจัยบางชิ้นพบว่า ผลิตภัณฑ์นมหมักอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่โยเกิร์ตทุกชนิดที่ดีต่อสุขภาพ โยเกิร์ตรสผลไม้และโยเกิร์ตปรุงแต่งบางชนิด มีน้ำตาลและสารเติมแต่งสูง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรเลือกโยเกิร์ตธรรมชาติหรือโยเกิร์ตกรีกที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
ข้อจำกัดของงานวิจัยและทิศทางในอนาคต
แม้ว่าผลการศึกษานี้จะให้ข้อบ่งชี้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโยเกิร์ตและมะเร็งลำไส้ นักวิจัยยังคงเน้นย้ำว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ
ดร. Gemma Balmer-Kemp จาก Cancer Research UK อธิบายว่า : “งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าการบริโภคโยเกิร์ตอาจช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่บางชนิดได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์กลไกที่แน่ชัด”
สรุปนะ ควรเพิ่มโยเกิร์ตในอาหารของคุณหรือไม่?
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิตอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพลำไส้และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกโยเกิร์ตธรรมชาติและไม่มีน้ำตาล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด มีถุงหน้าท้องไม่สนุกหรอกมาป้องกันมะเร็งลำไส้กันดีกว่า…
ขอบคุณข้อมูล : @สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์