ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจอย่างมาก หลังนักแสดงและนายแบบ “โดม เพชรธำรงชัย” หรือที่รู้จักกันในนาม “โดม The Face” ได้ประกาศเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัว พร้อมเดินทางเข้าปรึกษาเรื่องกฎหมายกับ “ทนายนิด้า” อีกทั้งด้านทนายสาว ยังออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกด้วยว่า “พักนี้ผู้จัดการดาราเค้าหากินกับการโกงค่าตัวดาราหรอคะ นี่รับหลายคดีแล้วนะ” ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น
เกิดอะไรขึ้น! ‘โดม เดอะเฟซ’ โร่ปรึกษา ‘ทนายนิด้า’ ลั่นต้องจัดการเพื่อความถูกต้อง

ซึ่งในวันนี้ (21 ก.พ. 68) เวลาประมาณ 10.00 น. ณ สน.บางนา หนุ่มโดม ได้เดินทางหอบหลักฐานสำคัญ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน พร้อมด้วย ทนายนิด้า และคุณแม่ โดยก่อนที่หนุ่มโดมจะทำการนำหลักฐานมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

หนุ่มโดม เผยว่า “วันนี้เดินทางมาแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งเริ่มต้นคืองานที่ทำที่ผ่านมา บุคคลนี้เขาบอกเรางานเป็นล่อซื้อ (งานฟรี) และคือมีเพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่งเขาถามว่า งานนี้ยูได้ค่าตัว/ค่าแรงเท่าไร ผมก็ตอบว่าไม่ทราบ เดี๋ยวผมลองไปตรวจดู แล้วพอมาตรวจก็เจออะไรที่น่าสนใจมาก ซึ่งเราร่วมงานกันไม่เคยมีปัญหานะ แล้วพอไปตรวจสอบเราก็รู้สึกช็อกมากและผิดหวังมาก คือเราไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ซึ่งเราเสียความรู้สึกมาก เราตั้งใจทำมาหากินมาหลายปี คือมันมีช่วงที่ผมไม่มีเงิน ต้องไปวิ่งเพื่อไปร้านอาหารซื้อกับข้าว หรือกินมาม่า ก็เลยมีคนในวงการสงสัยว่าทำไมเราผอม เพราะว่าผมไม่ได้กินข้าว ซึ่งปี 2024 เราทำงานเยอะมาก แต่เราได้รับเงิน 30,500 ทั้งปีนะ ซึ่งเขาเป็นคนหางานให้เรามานานแล้วตั้งแต่ที่มาประกวดรายการเดอะเฟซ คือเริ่มต้นเลยประมาณหกปี ตั้งแต่อายุ 15 จนปัจจุบันอายุ 21 เข้า 22 แล้ว ซึ่งเพราะเหตุการณ์แบบนี้เข้ามา ถามว่าจะกลับไปออสเตรเลียไหม ก็ขออยู่เคลียร์เรื่องพวกนี้ก่อน เพราะว่าเราก็เสียหายไปเยอะ มันจำเป็นต้องจัดการ

สำหรับตอนนี้แม่ผมก็ขึ้นตำแหน่งเป็นคนดูคิวงานให้ ให้คุณแม่เป็นคนจัดการ เราไว้ใจคุณแม่มากที่สุด ซึ่งตัวเราเองก็ต้องดูก่อนว่าจะให้จบยังไง แต่จริงๆ แล้วก็อยากให้ความเสียหายคืนมาหาเราด้วย อย่างที่เราพูดเราเหนื่อยทั้งกายทั้งใจมาหลายปีแล้ว ทำงานหนัก บางทีก็ไม่ได้นอน เราขอค่าแรงคืนหน่อยนะครับ คือเราท้อมาก เราโทรฯ คุยกับแม่เลย โดมขอกลับออสเตรเลียได้ไหม ผมไม่ไหวแล้ว ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว อยากกลับบ้าน ซึ่งเราลำบากแบบนี้มาหกปี ตั้งใจจะซื้อบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้สักทีเลย ยังดูแลตัวเองไม่ได้ ซึ่งตั้งแต่เข้าวงการมา เราก็ยังไม่มีของสักชิ้นที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเรา”

ทนายนิด้า เผยว่า “จริงๆ ไม่ได้อยากพูดแทนโดม แต่ว่าภาษาไทยเขาไม่แข็งแรง เดี๋ยวคนอาจจะตีความการสื่อสารของโดมผิด คือไม่ใช่ผู้ว่าจ้างเป็นคนโกงนะ แต่เป็นคนกลางที่ไปดีลรับงานมาให้ ทีนี้จากที่เราได้รับข้อมูลเท็จจริงมาจากน้องโดม คือที่ผ่านมาบุคคลนี้เขาก็จะเป็นคนดูเรื่องงาน ส่วนคำว่าล่อซื้อที่โดมได้กล่าวไปตอนแรก เป็นภาษาระหว่างเขา 2 คน หมายความว่า เขาจะมาบอกโดมว่า ถ้างานไหนฟรี เขาจะใช้ศัพท์คำว่าล่อซื้อ ซึ่งการที่ไปทำงานล่อซื้อ เขาให้เหตุผลว่า โดมจำเป็นที่จะต้องไปงานฟรีบ้าง เพราะคุณจะได้มีชื่อเสียง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมาจ้างคุณอยู่ตลอด ซึ่งหลายๆ งานโดมก็ไปทำโดยการรับสารมาว่า เป็นงานล่อซื้อ ทีนี้เรื่องมันเกิดขึ้นมาเพราะว่า มันดันมีงานหนึ่ง โดมดันไปคุยกับคนที่ร่วมงานแล้วเขาถามโดมว่า ได้รับค่าตัวหรือยัง ทางโดมก็งงว่ามีค่าตัวด้วยเหรอ คือโดมก็ไม่รู้มาก่อนว่างานนี้ได้เงิน ซึ่งโดมคิดว่าเป็นงานล่อซื้อ พอเขารู้ก็ได้ไปตรวจสอบ ซึ่งไม่มีเงินเข้ามา โดมเลยไปติดต่อยังผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างก็เลยยืนยันว่าจ่ายเงินแล้วจริงๆ ระดับครึ่งล้าน แค่เฉพาะงานนี้นะ มันเลยนำไปสู่การเอะใจว่าแล้วที่ผ่านมาละมีอีกไหม มันก็เลยค่อยๆ ทยอยรื้อข้อมูล ณ วันนี้ก็เชื่อว่าคงยังไม่หมด แต่ว่า ณ วันนี้เราก็มาแจ้งความเท่าที่เรารู้ก่อน ส่วนจำนวนความเสียหายขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด แต่ว่าก็เยอะ เชื่อว่าคงเป็นหลักล้าน ส่วนกับผู้ว่าจ้างเราได้ติดต่อได้คุย ซึ่งบางคนที่เรารู้เราก็สามารถติดต่อเคลียร์ได้ เราถึงได้รับข้อมูลมาว่ามันคืองานที่ได้เงิน แต่ในเรื่องของผู้จัดการ เราขอไม่ลงรายละเอียดว่าคนที่เรากำลังพูดถึงนั้นเป็นใคร ซึ่งเราก็ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นผู้จัดการไหม

ซึ่งในเรื่องที่เราโพสต์อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องเคสโดมก็ได้ จริงๆ ก็มีหลายเคส ซึ่งส่วนตัวก็มีรับเคสผู้จัดการโกงเงินดาราจริงและหลายเคส แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดว่า มันเป็นเคสโดม ซึ่งเคสของโดมเราก็ไม่ยืนยันว่าเป็นผู้จัดการหรือใคร เพราะว่าการรับงานมันมีการรับงานหลายขบวนการ ขอละไว้เพราะไม่อยากให้มีประเด็นถูกฟ้องร้อง ซึ่งถามว่าคนกลางได้มีการติดต่อมาหรือยัง คือไม่ได้เชิงคุยกันอย่างชัดเจน แต่ว่าในส่วนตัวของเขา เขาก็น่าจะรู้ถึงสถานการณ์ ว่าโดมรู้อะไร ทางโดมเองต่างหากที่รอว่าเขาจะมาฟีดแบ็กเรื่องนี้ยังไง แต่เขากลับไม่ได้มีฟีดแบ็กอะไรมา โดมก็เลยยิ่งรู้สึกว่าไม่เกิดความรับผิดชอบอะไร ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแจ้งความในข้อหา ลักทรัพย์ ก็เรียกร้องความเป็นธรรมให้โดมหน่อย เพราะเขาทำงานมา ซึ่งเหตุการณ์นี้มันมองได้ว่าเป็นการเอาเปรียบน้องและอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจในการเอาเปรียบ ก็คงต้องดำเนินคดี แต่ถ้าเกิดทางบุคคลนั้นติดต่อเข้ามา และน้องโดมได้รับเงินทุกบาททุกสตางค์คืน ก็คิดว่าคงอาจจะมีการไกล่เกลี่ย ซึ่งประเด็นตรงนี้ต้องบอกตามตรงว่าเรายังไม่ได้คุยกันกับตัวลูกความ แต่ในมุมมองของเราเอง เห็นว่าน้องทำงานก็ควรที่จะได้เงิน เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ ทีนี้ถ้าสมมุติว่า การที่เรามาแจ้งความดำเนินคดี เพราะว่าเราได้รับสิทธิตามที่ควรจะมี ทีนี้ถ้าเขาคืนสิทธิให้เราเต็ม เราก็จะต้องพูดคุยกับลูกความอีกทีหนึ่ง เราก็เชื่อว่าลูกความก็อาจจะรับฟังและรับเงื่อนไข”

คุณแม่ เผยว่า “ในส่วนของเงินค่าตัวโดมมันจะเข้ามาในบัญชีของเรา ซึ่งเราก็ไม่เคยเปิดอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง พอเราไปอัพดู ปรากฏว่าปลายปีที่แล้วคือมันไม่ถึง 30,500 ซึ่งบุคคลนี้เราเชื่อใจเขา ไว้ใจเขา รักเหมือนน้อง ถามว่าที่ผ่านมาเคยสงสัยไหม จริงๆ แล้วที่เคยคุยกัน เอาจริงๆ ณ ตอนนี้กระแสของนักแสดง เศรษฐกิจเป็นแบบนี้หลายๆ คนก็จำเป็นมีลักษณะในการรับงานล่อซื้อ ลูกเราก็เอาตรงๆ ไม่ได้เป็นดาราเปรี้ยงปร้าง ณ ปัจจุบัน เราก็เข้าใจ จนเรารู้สึกว่าลูกเรามีอาชีพเป็นนักแสดง นายแบบ แต่การทำงานมันมีแต่งานล่อซื้อในลักษณะแบบนี้ แล้วจะตอบได้ไหมว่ามันคืออาชีพที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ เราเองก็คิดว่าถ้าเราทำงานในปัจจุบันนี้ มันไม่มีรายได้ เราควรกลับออสเตรเลียดีกว่ามั้ย ไปทำงานในสิ่งที่เราอยากทำ หรือไปทำอาชีพอื่นก็ได้ คือจริงๆ เราก็ไม่ได้อะไร ส่วนเรื่องดีก็ดี คือเรื่องดีงามบอกตรงๆ เรารู้สึกซาบซึ้งถึงเขาเสมอ การที่เราได้มีโอกาสได้รู้จักกัน แต่ในส่วนของอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องปกติ มันก็ควรที่จะต้องแก้ไข ณ วันนี้ ทนายนิด้า ก็เข้ามาช่วยพวกเรา มาแก้ไขมาช่วยหรือว่าจะต้องทำยังไง คือทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ก็ยังรักเขาเหมือนเดิมแต่ก็เสียใจ”


