สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกแถลงการณ์ เรื่องการทยอยเลิกจ้างบุคลากรพลเรือน ในอัตรา 5-8% เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานขององค์กร และเพื่อปรับทิศทางการทำงานของกระทรวงกลาโหม ให้สอดคล้องกับแนวทางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งต้องการยกระดับความพร้อมของทหารในกองทัพ
ปัจจุบัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐมีเจ้าหน้าที่พลเรือนมากกว่า 900,000 คน หมายความว่า การเลิกจ้างอย่างน้อย 5% จะส่งผลกระทบกับเจ้าหน้าที่มากกว่า 45,000 คน
Pentagon announces it plans to fire 5-8% of civilian workforce https://t.co/xSh03uvkfS
— CNN (@CNN) February 21, 2025
เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น นายพีต เฮกเซธ รมว.กลาโหมสหรัฐ ลงนามในคำสั่งให้หน่วยงานทุกแห่งที่อยู่ในสังกัดของกระทรวงกลาโหม พิจารณาค่าใช้จ่ายและส่งแผนการใช้งบประมาณมาให้ตรวจสอบ เพื่อเป้าหมายลดการใช้จ่ายงบประมาณให้ได้ 8% ต่อปี ภายในระยะเวลาอีก 5 ปีนับจากนี้ ซึ่งหากทำได้จริง จะช่วยให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 290,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.73 ล้านล้านบาท) ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว
รายงานระบุว่า เฮกเซธต้องการให้หน่วยงานทุกแห่งส่งรายงานภายในวันที่ 24 ก.พ. นี้ โดยมีข้อยกเว้นสำหรับเพียง 17 โครงการ รวมถึงการจัดการพรมแดนตามแนวชายแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก การปรับปรุงและพัฒนาคลังแสงนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ.
เครดิตภาพ : AFP