สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ว่าจากกรณีโรคหัดระบาดครั้งใหญ่ในรัฐเทกซัส ทางตอนใต้ของสหรัฐ และมีการยืนยันผู้เสียชีวิตรายแรก นับตั้งแต่ปี 2558 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นเด็กซึ่งไม่มีประวัติการรับวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าว
นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รมว.สาธารณสุขสหรัฐ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก และให้ความเห็นว่า ช่วงเวลานี้ของทุกปีเป็นช่วงที่สหรัฐเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคหัด แต่ไม่ได้กล่าวรณรงค์ให้ประชาชนนำบุตรหลานไปเข้ารับการฉีดวัคซีน
ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐเทกซัสและรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งมีพรมแดนติดกัน ให้ข้อมูลตรงกันว่า ผู้ปกครองซึ่งมีบุตรหลานที่ยังเล็ก พากันนำบุตรหลานไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการยืนยันผู้ป่วยในทั้งสองรัฐ สะสมรวมกันแล้วมากกว่า 130 คน นับตั้งแต่ต้นปีนี้ จากจำนวนดังกล่าวราว 20 คน ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
With new measles case reported from New Mexico to New Jersey, and the deadly outbreak in West Texas, @ErielleReshef reports on the urgent fight to curb the spread of one of the most contagious viruses in the world. https://t.co/DOqmx42M47 pic.twitter.com/xYI312hObz
— World News Tonight (@ABCWorldNews) February 28, 2025
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ (ซีดีซี) เดินหน้าแคมเปญรณรงค์การฉีดวัคซีนโรคหัด โดยกำหนดเป้าหมายให้อัตราการรับวัคซีนอยู่ที่ 95% ในพื้นที่มีการระบาดหนัก เพื่อให้เพียงพอสำหรับสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
อย่างไรก็ตาม อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดในสหรัฐ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและวัยอนุบาล ลดลงจาก 95.2% ระหว่างปีการศึกษา 2563-2566 อยู่ที่ 92.7% ระหว่างปีการศึกษา 2566-2567 ซึ่งซีดีซีคำนวณออกมา ว่าเท่ากับตอนนี้มีเด็กอเมริกันราว 280,000 คน เผชิญกับความเสี่ยงของโรคหัด.
เครดิตภาพ : AFP