สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ พบหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ โดยนับเป็นการพบหารือกันครั้งแรกของผู้นำทั้งสองประเทศ นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมารับตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ บรรยากาศของการหารือตึงเครียดตั้งแต่ต้น จนกระทั่งเมื่อทรัมป์กล่าวว่า เซเลนสกี “ไม่ได้แสดงความขอบคุณมากพอ” กับความสนับสนุนทั้งทางทหารและทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันมอบให้แก่ยูเครนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา


ขณะที่เซเลนสกีกล่าวว่า “ไม่ควรมีการประนีประนอม” กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยืนกรานว่า รัฐบาลเคียฟ “ต้องประนีประนอม” เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงกับอีกฝ่าย ด้านเซเลนสกียืนกรานว่า หากปราศจากสนับสนุนจากสหรัฐ ยูเครนไม่สามารถชนะรัสเซียได้


ผู้นำสหรัฐกล่าวในที่สุดว่า เซเลนสกี “ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไรได้” หากไม่ยอมทำข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุหายาก สหรัฐจะออกไปเอง และหากสหรัฐออกไปแล้ว ยูเครนจะต้องสู้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง “ซึ่งไม่น่าจะดีเท่าไหร่นัก”


เซเลนสกีตอบว่า “ไม่ได้ต่อรอง” ซึ่งทรัมป์กล่าวต่อว่า ผู้นำยูเครน “เดิมพันกับชีวิตของประชาชนนับล้านคน เดิมพันกับสงครามโลกครั้งที่สาม”

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายเจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดี สนทนากับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่ทำเนียบขาว


ด้านนายเจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า สงครามครั้งนี้ต้องยุติด้วยวิธีทางการทูต ทำให้เซเลนสกีถามกลับว่า “ด้วยการทูตแบบใด” และรองผู้นำสหรัฐกล่าวว่า ผู้นำยูเครน “ไม่ให้เกียรติ” ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก


หลังจากนั้น เซเลนสกีเดินทางออกจากทำเนียบขาว โดยมีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งเดินมาส่ง และไม่มีการลงนามในข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุหายาก หรือการแถลงข่าว ด้านทรัมป์กล่าวหลังจากนั้น ว่าทำเนียบขาว “ไม่ต้อนรับ” เซเลนสกี “จนกว่าผู้นำยูเครนจะพร้อมสำหรับสันติภาพ”.

เครดิตภาพ : AFP