สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ว่า จากเหตุการณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ปะทะคารมกัน ระหว่างการพบหารือที่ทำเนียบขาว ส่งผลให้การเจรจายุติกลางคัน และเซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาวนั้น
There is an aggressor: Russia.
— Emmanuel Macron (@EmmanuelMacron) February 28, 2025
There is a victim: Ukraine.
We were right to help Ukraine and sanction Russia three years ago—and to keep doing so.
By “we,” I mean the Americans, the Europeans, the Canadians, the Japanese, and many others.
Thank you to…
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวว่า ผู้ที่มีความก้าวร้าวคือรัสเซีย ส่วนยูเครนคือเหยื่อ และฝรั่งเศสยกย่องการต่อสู้ของชาวยูเครน ขณะที่นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี กล่าวว่า “ไม่มีใครต้องการสันติภาพมากไปกว่ายูเครนอีกแล้ว” ด้านนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ผู้นำโปแลนด์ กล่าวว่า “ยูเครนไม่โดดเดี่ยวเดียวดาย”
Ukraine is Europe!
— Kaja Kallas (@kajakallas) February 28, 2025
We stand by Ukraine.
We will step up our support to Ukraine so that they can continue to fight back the agressor.
Today, it became clear that the free world needs a new leader. It’s up to us, Europeans, to take this challenge.
ในเวลาเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงนายอันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป และนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ต่างออกมาแสดงจุดยืนเคียงข้างเซเลนสกี
ด้านนางคาจา คัลลัส ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของอียู วิจารณ์และตั้งคำถามเกี่ยวกับ “ภาวะผู้นำ” ของทรัมป์ และเน้นย้ำการยืนหยัดเคียงข้างยูเครน.
เครดิตภาพ : AFP