เมื่อวันที่ 5 มี.ค. นายประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงคดีทุจริตจำนำข้าว ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ ว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากมีโครงการจำนำข้าวแล้วขายแบบจีทูจี แล้วปรากฏว่าทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้วินิจฉัยว่าเกิดความเสียหาย และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องการละเมิด และเห็นว่าความเสียหายในส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบมีประมาณ 178,000 ล้านบาท ตามที่จริงแล้วคณะกรรมการเห็นว่า มีความเสียหายมากกว่านี้ แต่ผู้พิจารณาในขั้นสุดท้ายเห็นว่ามีการเสียหายตามจำนวนดังกล่าว และวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้รับผิดชอบ 35,000 ล้านบาท
ดังนั้นคำสั่งพิพาทที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิด 35,000 ล้านบาทนั้น ซึ่งทางผู้ฟ้องคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มาฟ้องให้เพิกถอนคำสั่งให้รับผิดนี้ ซึ่งเรื่องนี้มี 4 โครงการ ทางศาลชั้นต้นก็วินิจฉัยกรณีความรับผิดว่า เป็นเรื่องการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในฐานะนายกฯ ได้ตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ปลัดกระทรวงทั้งหลาย ที่ได้หารือถึงการกำหนดแนวทางการป้องกันการทุจริตจำนำข้าว ฉะนั้นความผิดจึงไม่ได้มีเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียว และเป็นความผิดในเรื่องของนโยบาย ดังนั้นศาลชั้นต้นจึงเพิกถอนคำสั่งที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ฟ้องคดี ชดใช้สินไหมทดแทน 35,000 ล้านบาท ทางผู้ฟ้องก็ได้อุทธรณ์ซึ่งคดีก็อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด โดยคดีนี้ก็มีการอุทธรณ์กันมานานพอสมควร ตั้งแต่ปี 2564 ฉะนั้นเรื่องนี้ ก็ค่อนข้างที่จะก้าวหน้าไปพอสมควรแล้ว
ส่วนในคดีนี้ที่มีเจ้าหน้าที่จำนวน 5 คน คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล นายมนัส สร้อยพลอย นายทิฆัมพร นาทวรทัต และนายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ ได้รับคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมเช่นเดียวกัน ซึ่งคดีก็อยู่ในชั้นอุทธรณ์ของศาลปกครอง ดังนั้นคดีทั้งสองยังไม่ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เชื่อว่าจะไม่นาน และก็คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ เพราะคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว.