เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 68 เฟิร์ส พรชิตา ใจทอง นักร้องนักแสดง โด่งดังจากโซเชียลคลิป “หนูเป็นคนไทย” มีผู้ติดตาม 6 แสนคน ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องราวการลดสถานะกับแฟนหนุ่ม ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Ponchita Jaitong โดยระบุว่า

ตอนนี้เฟิร์สกับพี่ตั้ม เราลดสถานะกันแล้วนะคะ
ตอนนี้ เป็นผู้จัดการ และศิลปินแบบเต็มตัวนะคะ

เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องมือที่สาม
แต่เป็นปัญหาของคนสองคนที่พยายามปรับแล้ว

จริงๆ เราห่างกันและลดสถานะกันมาสักพักแล้ว
แต่ต่างคนต่างกำลังจัดการความรู้สึกตัวเองให้แน่ชัด
แล้วอีกอย่างหนึ่งคือ หนูกลัวทุกคนจะผิดหวังในตัวเราสองคน

แต่แค่อยากจะบอกว่า เราเต็มที่แล้วจริงๆ
เราไม่ได้ทะเลาะกันนะคะ เราต่างคุยกันด้วยเหตุและผล
และเลือกทางตรงกลางที่มันดีสำหรับเราที่สุด
เราสองคนทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ในพาร์ทคนรักกัน
แต่วันนี้มันไปต่อไม่ได้ เราก็แค่ต่างแยกย้ายกันไปเติบโตในรูปแบบของตัวเอง

ที่ผ่านมาเราทำงานกันหนักมากๆ
และเราชั่งน้ำหนักดูแล้ว
ว่าจริงๆ แล้วเราเต็มที่และแฮปปี้กับการทำงานมากกว่า

ครอบครัวเรา ต่างฝ่ายต่างรับรู้และเข้าใจในการตัดสินใจของเราสองคนแล้ว
เราต่างในเกียรติกันเสมอมา
แม้กระทั่งวันที่เราเลิกกัน
เราก็ยังทำให้ทุกอย่างมันถูกต้อง

ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
ทุกคนยังจะเห็นหนูกับพี่ตั้มในพาร์ทการทำงานเหมือนเดิม เรายังหวังดีต่อกัน เป็นพี่น้อง เป็นที่ซัพพอร์ต
ให้กันและกันเหมือนเดิม
ขอให้ทุกคนรักหนูและพี่ตั้มแบบนี้ตลอดไปนะคะ
ส่วนเรื่องงาน ยังสามารถติดต่อทางพี่ตั้มได้ปกติ
และหนูสามารถทำงานกับพี่ตั้มได้ 100% ค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่รักคู่เราตลอดมา
วันนี้เราไม่ได้หนีกันไปไหน แต่เราแค่เปลี่ยนสถานะ
ในพาร์ทคนรัก มาเป็น คนทำงานร่วมกัน
เรายังหวังดีต่อกันเสมอ
ขอให้ทุกคนเคารพและเข้าใจในการตัดสินใจของเรา

หนูไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง
เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้ (ให้เป็นเรื่องของเวลา)
หรือต่างคนต่างเจอคนที่ถูกใจ
อันนี้ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตและเวลานะคะ
เราไม่ได้ปิดกั้นกัน

ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ
หนูไม่อยากให้ถามอะไรไปมากกว่านี้
ไม่อยากลงลายละเอียด หรือถามหาเอาอะไรอีก
ที่ออกมาพูดวันนี้เพียงเพราะอยากปกป้องความรู้สึกของกันและกัน ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด
หรือต่างเอาเราไปพูดในทางไม่ดี
เพราะทั้งหมดนี้ เราคุยกันมาดีแล้ว
เริ่มที่คนสองคน ก็จบที่คนสองคน ถูกต้องแล้ว

หนูเชื่อว่าถ้าเรารักกันมากพอ
วันนึงเราจะวนกลับมาเจอกัน

ขอบคุณค่ะ

#เฟิร์สพรชิตา #จ่าตั้ม

***ไม่ได้อยากอิงกระแสอะไรทั้งนั้นนะคะ
แค่มันถึงเวลาที่ต้องพูดแล้ว